คำชี้แจงละเอียดยิบของ “จาตุรงค์ สุขเอียด” ว่าด้วย “หุ้นเล็กๆ ของ ฐปณีย์”
กรณีสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ออกรายงานเรื่อง “หุ้นเล็ก ๆของ‘ฐปณีย์’ ในบริษัทผลิตสื่อ” (อ่านประกอบ:หุ้นเล็ก ๆของ‘ฐปณีย์’ ในบริษัทผลิตสื่อ) เนื้อหาส่วนหนึ่งกล่าวถึง “ฐปณีย์ เอียดศรีไชย" นักข่าวแห่งข่าว 3 มิติของช่อง 3 ถือหุ้นจำนวนเล็ก ๆ ใน บริษัท ถอดรหัส-ย้อนรอย จำกัด ของ “จาตุรงค์ สุขเอียด” แบบ “นกน้อยทำรังแต่พอตัว”
21 พ.ค. 58 นายจาตุรงค์ สุขเอียด ผู้สื่อข่าวช่อง 3 ผู้ถือใหญ่ บริษัท ถอดรหัส-ย้อนรอย จำกัด โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊คส่วนตัว มีข้อความดังนี้
“เมื่อตอนไอทีวีจอดำ...ช่วงจะประกาศปิดไอทีวีนั้น ก็มีคนมาชวนผมไปทำงานในช่องอยู่บ้างหลายช่อง ผมตัดสินใจไม่ไป เพราะมีน้องเก่าที่อยู่กันมาไม่มีใบวุฒิการศึกษา แต่มีผลงานดีทำงานได้จำนวนหนึ่ง จึงผมเลือกเขียนรูปแบบรายการไปเสนอ เพราะคิดว่าการไม่ไปอยู่ช่องดีที่ไม่ต้องไปเบียดที่นั่งทำงานกับคนเก่า ๆ ให้เขาไม่สบายใจ
ต่อมา บ.เทนเทเลมาเกต จก.ก็ตกลงจ้างผลิตรายการ "ตรงจุดเกิดเหตุ" ไปออกช่อง 3 ตอนนั้นแยม ฐปณีย์ เอียดศรีไชย ก็กำลังจะกลับไปอยู่บ้าน คุณอลงกรณ์ เหมือนดาว (พี่บ๊อบ) ก็ชวนมาอยู่ด้วยกัน ตอนนี้เราจึงรวมกำลังทำตรงจุดเกิดเหตุได้ 7 คน ทางบริษัท เทนฯ ก็บอกว่า สิ้นเดือนจะต้องจ่ายค่าผลิตเทปตรงจุดเกิดเหตุ แต่ต้องรับในนามบริษัท เพราะมีเรื่องภาษีต่าง ๆ ด้วย จุดนี้ทำให้ผมต้องขอให้รุ่นน้องทำเรื่องเปิดบริษัท คิดไม่ออก ก็เอาชื่อรายการเก่าสมัยไอทีวีมีตั้งชื่อว่า ถอดรหัสย้อนรอย จำกัด แต่ขณะนั้นก็มีเงื่อนไขว่า บริษัทจำกัดต้องมีกรรมการร่วมไม่ต่ำกว่า 7 คน เราจึงขอยืมชื่อให้ครบ 7 คน
พี่บ๊อบ ตอนนั้นติดหนี้มี black list อยู่ก็ใช้ชื่อไม่ได้ ผมก็ถือแทน ส่วนอีก 6 ก็เอาชื่อ ศศิน สุวรรณปากแพรก เป็นบุตรคุณอัฌชา ที่เห็นว่าเงินไม่พอลงทุนจึงช่วย 20 เปอร์เซ็นต์ ปัญญา นานกระโทก (นักข่าว) วุฒิชัย จิตชื่น (นักข่าว) วิโรจน์ สุขศรี (ช่างภาพ) ศิวภัฎ บริบูรณ์ (บัญชีการเงิน) รวมถึง ฐปณีย์ เอียดศรีไชย (นักข่าว) คนละ 2 เปอร์เซ็นต์ มาถือให้ครบ 100 เปอร์เซ็นต์
ส่วนเงินจดทะเบียนนั้น ตอนเลิกไอทีวีเขาก็มีเงินเลิกจ้างให้มา ผมก็เอามาลงทุนซื้อกล้องถูกมา 4 ตัว เราถือคติไม่รับจ้างอย่างอื่นที่ไม่ได้เป็นงานข่าวที่เรามีอิสระในการคิดทำ เพื่อไม่ให้เงินมีอิทธิพลกับความคิดเราเกินไป จนต่อมา คุณกิตติ สิงหาปัด ออกจาก อสมท. ไปอยู่ช่อง 3 ก็เห็นว่าพวกเรามีกำลังที่จะช่วยงานได้ ก็มาชวนผมกับพี่บ๊อบ อลงกรณ์ มาช่วยทำเบื้องหลังให้ เช่นกันเขาต้องตั้งบริษัทขึ้นมารับค่าจ้างมา (จ้างเป็นรายเดือน) ไม่ได้เป็นสัดส่วนโฆษณาแต่อย่างใด เขาก็ใช้ชื่อผมไปเป็นกรรมการด้วย แต่พี่บ๊อบ ติดเรื่องเดิม ผมจึงถือแทนเขาในสัดส่วนที่น้อยเพื่อให้ครบองค์ประกอบการจดทะเบียนบริษัท ของกรมทะเบียนการค้า
ปีนั้นเราจึงขอให้แยมไปช่วยพี่กิตติ เต็มตัว เธอจึงไม่ได้ทำรายการตรงจุดเกิดเหตุอีก ส่วนหุ้นที่ถืออยู่ก็เห็นว่าไม่ได้มีปัญหาอะไรก็ปล่อยไป ทำมาราว 5 ปีก็มีปัญหาภายในกัน บริษัท ถอดรหัสย้อนรอย จำกัด จึงหยุดประกอบการ ตั้งแต่ช่วงปี 2556 มา แต่อยู่ระหว่างให้นักกฎหมายเข้าไปขายตลาดทรัพย์สินเดิม แต่มีบางส่วนขายได้ในปีภาษี 2557 แล้วก็ปันเงินออมให้กับน้อง ๆ บางส่วนไป จึงต้องรอเคลียร์ภาษีในปี 2558 ก่อน หากขายทรัพย์สินสุดท้ายได้แล้วคืออาคารอีกหลัง ฐปณีย์ จึงไม่ได้นับเป็นหุ้นส่วนใด ๆ กับบริษัทมาเลย เพราะไม่เคยมีปันผลนอกจากเงินได้สะสม ผมยังต้องผลิตรายการให้กับเทนต่อ ซึ่งก็เปลี่ยนชื่อมาเป็นรายการสเปเชียลรีพอร์ต
เงื่อนไขการรับเงินก็เช่นเดิมในนามบริษัท ก็ให้เขาจดบริษัทใหม่มารับค่าผลิตงาน ชื่อ newsdoc (นิวส์ด็อค จำกัด) เพราะอีกบริษัทที่เขาจดให้มาไม่มีเรื่องแวต จึงดำเนินการใด ๆ ไม่ได้ เหตุที่เมื่อ สถาบันอิศรา ไปดูในกรมทะเบียนการค้าจึงปรากฎชื่อ ฐปณีย์ เอียดศรีไชย และจตุรงค์ สุขเอียด ผมกับทางสถาบันอิศรา นั้นก็ต่างคนต่างบทบาทกับ ความจริงผมก็ได้รับการอบรมสั่งสอนมาจากท่าน ซื่อสัตย์ โปร่งใส ตรวจสอบได้
กรณีที่ท่านไปส่องในฐานข้อมูลของกรมทะเบียนการค้าในยาม ที่ฐปณีย์ กำลังถูกโจมตีอย่างรุนแรงนั้น ผมไม่เข้าใจในเหตุผลและเป้าประสงค์ แต่ในฐานะที่เป็นคนทำข่าวด้วย ผมก็ว่าหากในเมื่อข้อมูลของท่านปรากฎชื่อผม ชื่อเธอแล้ว ทำไมท่านไม่โทรมาสอบถามผมและเธอบ้าง
แต่ไม่เป็นไร ด้วยผมคารวะครูบาอาจารย์เสมอมา ให้นับเสียว่า ผมทำข้อมูลอีกด้านหนึ่งของท่านให้สมบูรณ์กับผู้ที่บริโภคข้อมูลของท่าน แล้วก็แล้วกันครับ ด้วย ศรัทธาครับอาจารย์" .
ภาพประกอบ:เว็บไซต์ครอบครัวข่าว 3