ที่ปรึกษารมต.ศึกษาธิการแนะ3ข้อกู้วิกฤติการศึกษาไทย
สมาชิกสภาปฏิรูปการศึกษาชี้กู้วิกฤติการศึกษาไทยต้องใช้ 3 คานงัด ปฏิรูปหลักสูตร ผู้ถูกสอน และระบบการเงินกับการบริหารคน แนะกระทรวงศึกษาธิการต้องเปลี่ยนบทบาทจากการกำกับจัดการมาเป็นผู้กำหนดนโยบายและติดตามพัฒนาสถาบันการศึกษาให้สมบูรณ์
16 พฤษภาคม 2558 ณ มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตอำนาจเจริญ สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ร่วมกับจังหวัดอำนาจเจริญ และสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) จัดการรับฟังความเห็นภาคประชาชนด้านปฏิรูปการศึกษาและพัฒนามนุษย์จากคนอำนาจเจริญจากทุกภาคส่วน โดยได้รับเกียรติจากนายวิวัฒน์ ศัลยกำธร และรศ.ดร.ประภาภัทร นิยม เข้ารับฟังข้อเสนอ สภาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และร่วมบรรยายพิเศษ
รศ.ดร.ประภาภัทร นิยม สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ด้านการศึกษา และที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)กล่าวว่า การกู้สถานการณ์การศึกษาไทยมี 3 จุดคานงัดหลัก 1) ปฏิรูปหลักสูตร: ปรับหลักสูตรเดียวเป็นหลักสูตรเพื่อคนทั้งมวล เพื่อให้เกิดความเป็นเลิศและเชี่ยวชาญที่หลากหลาย 2) ปฏิรูปผู้ถูกสอน ให้กลายเป็นผู้ที่มีทักษะการเรียนรู้ด้วยตนเอง และ 3) ปฏิรูประบบการเงินและบริหารคน เพื่อการศึกษาด้วยหลักอุปสงค์ สู่เป้าหมายการปฏิรูปการศึกษาเพื่อคนและสังคมอุดมปัญญา
รศ.ดร.ประภาภัทร กล่าวด้วยว่า ดังนั้นระบบการศึกษาที่เน้นคุณภาพใน 3 ระบบหลัก คือ 1)การศึกษาภาคบังคับ 2)พื้นฐาน อาชีวศึกษา และ3)อุดมศึกษา จึงต้องอาศัยระบบการศึกษาเพื่อคนทั้งมวลมาเป็นหุ้นส่วนร่วมกัน กระทรวงศึกษาจึงต้องเปลี่ยนจากการกำกับและจัดการศึกษา เป็นผู้กำหนดนโยบายกำกับดูแลติดตามพัฒนาส่งเสริมสนับสนุนให้สถาบันการศึกษาได้ทำหน้าที่ของตนเองให้สมบูรณ์ โดยกระจายบทบาทการจัดการศึกษาที่แท้จริง สู่ท้องถิ่น สู่สถานศึกษา
ด้านนายวิวัฒน์ ศัลยกำธร รองประธานกรรมาธิการปฏิรูปด้านการศึกษา กล่าวว่า การศึกษาเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดในการปฏิรูป เพราะหากพัฒนาคนไม่สำเร็จก็ไม่สามารถปฏิรูปได้ จึงเป็นที่มาในการสัญจรในพื้นที่รวม 10 ครั้งทั่วประเทศ การศึกษาปัจจุบันต้องเรียนรู้เพื่อดูแลคนใกล้ตัว เพราะในการปฏิรูปการศึกษาทั้ง 2 ครั้งที่ผ่านมาเน้นแต่การปฏิรูปครูในระบบ และโครงสร้างการศึกษา นั่นคือครูกว่า6แสนคน ที่ดูแลเด็ก 9 ล้านคน แต่กลับไม่ครอบคลุมเด็กเยาวชนที่อยู่นอกระบบ ฉะนั้นการจัดการศึกษาจึงไม่ควรใช้มาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ
ขณะที่นายสุทธินันท์ บุญมี ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ กล่าวว่า อำนาจเจริญมีวิสัยทัศน์ 3 ประการ 1.การยกระดับ “ข้าว” เป็นเศรษฐกิจหลัก 2.การพัฒนาคนผ่านการศึกษา 3.ส่งเสริมธุรกิจการค้าหนุนอำนาจเจริญให้เป็นเส้นทางการค้าทางตะวันออกเฉียงใต้ โดยเชื่อมั่นว่า การพัฒนาคนจำเป็นต้องใช้การศึกษาในการพัฒนาประเทศ การศึกษาจึงจำเป็นต้องจัดทั่วถึง เหมาะสมกับท้องถิ่น และผู้เรียนที่มีความหลากหลาย เช่น อำนาจเจริญเน้นข้าวเป็นการค้าหลัก ควรสอนให้เด็กคิดบริหารจัดการเรื่องการข้าวได้ทั้งระบบ การระดมความคิดเห็นวันนี้จึงเป็นการชวนคนอำนาจเจริญมาช่วยกันคิดขับเคลื่อนการศึกษา ด้วยการทำงานแบบระเบิดจากข้างใน ซึ่งหมายถึงให้ถูกฝ่ายช่วยกันทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด
ส่วนนพ.ชัยพร ทองประเสริฐ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ จ.อำนาจเจริญ กล่าวว่า ด้านการศึกษา คนอำนาจเจริญมีเป้าหมายผลักดันให้เป็นเมืองแห่งการเรียนรู้ มีระบบการศึกษาที่ตอบโจทย์ความต้องการของคนถิ่น และมีความสามารถตรงตามสายอาชีพที่ต้องการ โดยคนอำนาจเจริญต้องได้รับโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมตั้งแต่ปฐมวัย ซึ่งเวทีวันนี้จะสร้างความร่วมมือจากคนทุกภาคส่วนเข้ามาช่วยอำนาจเจริญปฏิรูปการศึกษาเพื่อโจทย์คนอำนาจเจริญได้อย่างแท้จริง
ทั้งนี้ในเวทีระดมความคิดเห็นคนอำนาจเจริญได้เสนอ 6 ข้อ ในการขับเคลื่อนการศึกษา แก่คณะ สปช. ดังนี้
1) การศึกษาเพื่ออนาคต: เน้นการกระจายอำนาจการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาคน ให้มีความรู้คู่คุณธรรม มีอาชีพและรักท้องถิ่น
2) พัฒนาระบบสถานศึกษา
3) ส่งเสริมการศึกษาทั้งในระดับอุดมศึกษาและอาชีวศึกษา
4) ปรับหลักสูตรการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 บูรณาการทุกกลุ่มสาระวิชา
5) ปรับกระบวนการเรียนรู้: เน้นประสบการณ์จริงบนฐานวัฒนธรรมท้องถิ่น
6) ครูและนักเรียน ต้องพร้อมที่จะเป็นผู้เรียนรู้ทั้งเรื่องท้องถิ่นและมีความพร้อมสู่ AEC