ผบ.ตร.ประสานมาเลย์ช่วยจับแก๊งค้ามนุษย์ พบเพิ่มแคมป์โรฮิงญาใหญ่สุด
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติประสานตำรวจมาเลย์ช่วยจับกุมผู้ต้องหาค้ามนุษย์โรฮิงญาที่หลบหนีข้ามแดนเข้าไปในประเทศเพื่อนบ้าน หลังส่งหมายจับให้ 39 คน ขณะที่ "โกหย่ง" นายปิยะวัฒน์ พงศ์ไทย ผู้ต้องหาคนสำคัญจากจังหวัดระนอง เข้ามอบตัวกับตำรวจแล้ว
วันพุธที่ 13 พฤษภาคม 2558 มีการประชุมทวิภาคีระหว่างตำรวจไทยกับตำรวจมาเลเซียที่จังหวัดภูเก็ต โดย พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้ใช้โอกาสนี้ประสานความร่วมมือกับตำรวจมาเลเซียเกี่ยวกับปัญหาขบวนการค้ามนุษย์โรฮิงญา
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ได้ส่งหมายจับผู้ต้องหา 39 คนซึ่งเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุุษย์ให้ตำรวจมาเลเซียเพื่อช่วยติดตามจับกุมแล้ว หลังมีข้อมูลว่าหลบหนีเข้าไปในประเทศมาเลเซีย
ออกหมายจับเพิ่มอีก 10 รวมเป็น 61
ด้านกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 (บช.ภ.9) ได้ออกหมายจับขบวนการค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญาเพิ่มอีก 10 คน รวมเป็น 61 คน โดย 4 คนเป็นเครือข่ายผู้กว้างขวางในจังหวัดสตูล
หนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับเพิ่ม คือ นายอนัดดา หรือ แกะ โชติบุญทอง อายุ 45 ปี ชาวตำบลปาดังเบซาร์ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา
"โกหย่ง ระนอง" โผล่มอบตัวตำรวจ
ที่ สถานีตำรวจภูธร (สภ.) ขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. รับมอบตัว นายปิยะวัฒน์ หรือ โกหย่ง พงศ์ไทย อายุ 60 ปี ผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญา ซึ่งตำรวจระบุว่ามีพฤติการณ์เป็นนายหน้าค้ามนุษย์รายสำคัญในพื้นที่จังหวัดระนอง
โดย นายปิยะวัฒน์ เข้ามอบตัวกับ พล.ต.ต.สมชาย ยุทธชวรกุล รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ที่ สภ.เมืองระนอง จากนั้นตำรวจระนองจึงคุมตัวนายปิยะวัฒน์ส่งมอบให้กับ พล.ต.อ.เอก ก่อนขึ้นเฮลิคอปเตอร์เดินทางไปยัง สภ.สะเดา จังหวัดสงขลา เพื่อสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สรุปจับเพิ่ม 4 เครือข่ายสตูล-สงขลา-ระนอง
ต่อมา ที่ห้องประชุม สภ.ปาดังเบซาร์ อำเภอสะเดา พล.ต.อ.เอก พร้อมด้วยนายตำรวจระดับสูง ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมเครือข่ายค้ามนุษย์โรฮิงญา ทั้งในจังหวัดสตูล สงขลา และระนอง รวม 4 คน ประกอบด้วย
1.นายปิยวัฒน์ พงษ์ไทย หรือโกหย่ง เครือข่ายค้ามนุษย์ในจังหวัดระนอง กลุ่มเดียวกันกับ นายสุวรรณ แสงทอง หรือ โกหนุ่ย ที่ถูกจับกุมไปแล้วก่อนหน้านี้
2.นายสถิต แหมถิ่น อายุ 37 ปี
3. นายสมรรถชัย หรือแรมโบ้ ฮะหมัด อายุ 47 ปี เครือข่ายค้ามนุษย์ในจังหวัดสตูล กลุ่มของ นายปัจจุบัน อังโชติพันธุ์ หรือโกโต้ง ที่ยังหลบหนีอยู่
4.นายมูปะกาศ แขกพงษ์ อายุ 43 ปี เครือข่ายค้ามนุษย์ในตำบลปาดังเบซาร์ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา กลุ่มเดียวกับ นายบรรจง ปองผล นายกเทศมนตรี เทศบาลเมืองปาดังเบซาร์ ที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้
โดยเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาทั้ง 4 คนว่า สมคบและร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไปกระทำการอันเป็นการค้ามนุษย์ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะทำการแยกสอบสวน เพื่อเชื่อมโยงกับเครือข่ายค้ามนุษย์ที่จับกุมได้แล้วและยังหลบหนีอยู่ อย่างไรก็ดี ในเบื้องต้นผู้ต้องหายังคงให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวไว้ที่ สภ.ปาดังเบซาร์ ก่อนส่งไปผัดฟ้องฝากขังที่ศาลจังหวัดนาทวี
คาด "โกโต้ง" เผ่นกบดานลังกาวี
สำหรับผู้ต้องหาเครือข่ายค้ามนุษย์ทั้ง 3 จังหวัดซึ่งเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวได้แล้ว ขณะนี้มีจำนวนทั้งสิ้น 23 คน จากที่ออกหมายจับไป 61 คน เหลืออีก 38 คนที่ยังคงหลบหนีอยู่ โดยเฉพาะตัวการใหญ่ คือ นายปัจจุบัน อังโชติพันธุ์ หรือ โกโต้ง ซึ่งมีรายงานว่าหนีไปกบดานอยู่ที่เกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซีย
ส่วนโกหย่ง หรือ นายปิยวัฒน์ พงษ์ไทย เครือข่ายค้ามนุษย์ในจังหวัดระนอง หนึ่งในสี่ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ล่าสุดนั้น เป็นการขยายผลมาจากการสอบสวนกลุ่มชาวโรฮิงญาจำนวน 91 คน ในพื้นที่อำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งประสบอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำขณะถูกนำพาไปส่งยังอำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งจากการสอบสวนขยายผลพบว่า ถูกขนถ่ายมาด้วยเรือของโกหย่งกว่า 300 คน และระหว่างที่อยู่ในทะเลผู้หญิงชาวโรฮิงญาถูกละเมิดทางเพศด้วย
พบแคมป์ใหม่ใหญ่สุดบนยอดเขาแก้ว
ด้านความคืบหน้าการตรวจสอบแคมป์โรฮิงญาแห่งใหม่บนเทือกเขาแก้ว ตำบลปาดังเบซาร์ อำเภอสะเดา ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ขึ้นไปตรวจสอบและพบหลุมฝังศพอีก 4 หลุม จากการขุดเมื่อวันพุธที่ 13 พฤษภาคม พบศพเพิ่มอีก 3 ศพ มีทั้งศพเก่าที่เหลือเพียงกระดูก และศพใหม่ที่เพิ่งถูกฝังมาไม่นาน
สำหรับสถานที่พักพิงชั่วคราวของชาวโรฮิงญาแห่งใหม่ดังกล่าวนั้น ตั้งอยู่บนยอดเขาแก้ว ชายแดนไทยมาเลเซีย หมู่ 8 บ้านตะโล๊ะ ตำบลปาดังเบซาร์ ห่างจากจุดที่พบแคมป์และสุสานฝังศพแห่งแรกประมาณ 3 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากหลักเขตรอยต่อระหว่างจังหวัดสงขลากับจังหวัดสตูลประมาณ 1 กิโลเมตร ต้องใช้เวลาเดินทางขึ้นไปกว่า 1 ชั่วโมง
จากการตรวจสอบพบว่า สถานที่พักพิงชั่วคราวดังกล่าวเป็นแคมป์ขนาดใหญ่ที่สุดที่เจ้าหน้าที่พบบนยอดเขาแก้ว สามารถจุคนได้ 800-1,000 คน ประกอบด้วยเรือนนอน 21 หลัง ห้องน้ำ 8 หลัง หอสังเกตการณ์ 2 หลัง โรงครัว 4 หลัง และโรงเรือนที่ยังสร้างไม่เสร็จอีก 1 หลัง สิ่งปลูกสร้างทั้งหมดถูกสร้างขึ้นอย่างดีด้วยไม้ และเป็นโรงเรือนยกพื้น หลังคามุงด้วยผ้ายางเป็นลักษณะแคมป์ถาวร สภาพไม้ยังใหม่ ถูกสร้างขึ้นมาไม่เกิน 1 ปี แตกต่างจากแคมป์ทั่วไปที่ปลูกสร้างบนดิน
นอกจากนี้ยังพบข้าวของเครื่องใช้และเสื้อผ้าอยู่ภายในแคมป์ คาดว่า น่าจะเพิ่งเคลื่อนย้ายชาวโรฮิงญาข้ามแดนไปฝั่งมาเลเซียไม่นาน และน่าจะเป็น ช่วงเดียวกันกับที่เจ้าหน้าที่ได้พบแคมป์และสุสานฝังศพชาวโรฮิงญา
นอกจากแคมป์แห่งนี้แล้ว บริเวณยอดเขาแก้วยังพบแคมป์ขนาดเล็กอีก 3 แห่งด้วย ซึ่งอยู่ไม่ห่างกัน นอกจากนี้พบว่าทางฝั่งมาเลเซียก็มีแคมป์ลักษณะเดียวกันอีก 3 แห่งด้วย อยู่ในรัฐเปอร์ลิส คาดว่าเพื่อรับช่วงชาวโรฮิงญาต่อจากฝั่งไทย
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : สถานที่พักพิงชั่วคราวของชาวโรฮิงญาแห่งใหม่ที่เพิ่งถูกตรวจสอบพบบนยอดเขาแก้ว อำเภอปาดังเบซาร์ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา โดยเป็นแคมป์ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยพบ