“พ.อ.สมหมาย บุษบา” มือปราบขบวนการฮุบป่า
"การเติบโตในตำแหน่งหน้าที่การงานนั้นก็ไม่ได้สนใจคิดเพียงว่ารับราชการ กินเงินเดือนที่มาจากภาษีราษฎรก็ต้องทำงานให้เต็มที่"
เป็นหัวหมู่ทะลวงฟันคนแรกที่ถูกใช้ให้เข้าไปตรวจสอบปัญหาการบุกรุกทรัพยากรธรรมชาติตามคำสั่งของคณะรักษาความสงบเรียบน้อยแห่งชาติ (คสช.)หลังจากประชาชนแห่เข้าร้องเรียนว่าได้รับความเดือดร้อนจากกลุ่มนักธุรกิจและนายทุนที่เข้าไปบุกรุกพื้นที่สาธารณประโยชน์หนองกุง-หนองแก้ว ม.6 ต.หนองตะไก้ อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา กว่า 3,900 ไร่ จนนำไปสู่การใช้กฎหมายฟอกเงินของสำนักงานป้องกันเเละปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)ในฐานความผิดการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อการค้ายืดทรัพย์นายทุนเป็นครั้งแรก
“เคสนี้ ถือเป็นคดีประวัติศาสตร์ที่ผมภูมิใจมากเพราะสามารถแก้ปัญหาให้ชาวบ้านได้จริง ๆโดยการบังคับใช้กฎหมายเอาผิดนายทุน“ พ.อ.สมหมาย บุษบา ผู้บังคับการกรมพัฒนาคนใหม่หมาด ๆ กล่าว และย้ำว่างานนี้จะสำเร็จไม่ได้เลยถ้าไม่ได้รับความร่วมมือจากชาวบ้านและทีมทำงานที่ขณะนี้ทุกคนรู้จักกันในนาม “ดรีมทีม”ลุยสอบพื้นที่บุกรุกรุกป่าที่มี 3 ทหารเสือ
ประกอบด้วย "พ.อ.สมหมาย" “ธนวัฒน์ สนิทศักดิ์ดี”เจ้าหน้าที่สืบสวนชำนาญการคดีพิเศษสำนักงานป้องกันและปราบปรามทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท) และ”ก้องกิดาการ ประพันธ์บัณทิต” นายช่างรังวัดชำนาญงาน กรมที่ดิน
ก่อนหน้าจะมารวมตัวกันเป็น "ดรีมทีม" นั้น พ.อ.สมหมาย เล่าว่า ตนเองจบนักเรียนนายร้อยจปร.รุ่น 35 และเตรียมทหารรุ่น 24 เติบโตในชีวิตราชการมาตามลำดับของคนที่ไม่ได้มีสกุลดังรองรับ และในช่วงที่มีเป็นทหารยศพันตรีจึงมีเริ่มสนใจด้านกฎหมายและสมัครเรียนที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมมาธิราช จนจบปริญญาตรีิขณะเดียวกันก็รับราชการในตำแหน่งฝ่ายเสนาธิการช่วยราชการกองนิติการตำแหน่งประจำมทบ.21 สังกัดกองยุทธการ กองทัพภาคที่ 2กระทั่งเป็นพันเอกอยู่นานถึง 9 ปีเต็ม
“ตอนทำงาน ผมเป็นนักกฎหมายจิตอาสา ชาวบ้าน ทหารพี่ ๆ น้อง ๆ หรือใคร ๆถ้ามีข้อข้องใจเรื่องกฎหมายก็มาขอความช่วยเหลือเราก็ให้คำแนะนำไป คือ อยู่ในตำแหน่งประจำมันก็เหมือนถูกแขวนไว้ถ้าเขาไม่เรียกใช้งาน เราก็ไม่สนใจอะไรทำงาน เพื่องาน ต่อมาคสช.เข้ามาก็มอบหมายให้กองทัพภาคที่ 2 รับผิดชอบเรื่องความเดือดร้อนราษฎรทุกเรื่องในพื้นที่ เพื่อจะได้ไม่ต้องเข้ามาที่คสช.กรุงเทพฯ ผู้บังคับบัญชาเห็นเรามีความรู้เรื่องกฎหมายก็ให้เข้ามาเป็นคณะทำงานด้านกฎหมาย” พ.อ.สมหมายกล่าว
คดีแรกที่ พ.อ.สมหมายใช้ความรู้ทางกฎหมายเข้าไปตรวจสอบไม่ใช่คดีบุกรุกป่าแต่เป็นคดี "ขอนแก่นโมเดล" ที่ต้องเชื่อมโยงให้เห็นความสัมพันธ์ของบุคคลที่เกี่ยวข้อง ต่อจากนั้นจึงประเดิมด้วยคดีบุกรุกพื้นที่สาธารณะประโยชน์และคดีบุกรุกพื้นที่ป่าและพื้นที่ สปก.ทั่วประเทศ ซึ่งถือว่าเป็นปัญหาหนักของประเทศที่รัฐบาลกำลังดำเนินแก้ไข เพราะขณะนี้พื้นที่ป่าที่ถูกบุกรุกทำลายทั้งจากนายทุน นักธุรกิจ นักการเมือง และชาวบ้านขณะนี้มีจำนวนกว่า 1.5 ล้านไร่
“เจ้าหน้าที่ป.ป.ท.และนายช่างรังวัดกรมที่ดิน ผมไม่รู้จักกันมาก่อน แต่ชาวบ้านเป็นผู้แนะนำบอกว่า มีเจ้าหน้าที่ของรัฐ 2 คน เคยลงมาตรวจสอบพื้นที่ตามที่ชาวบ้านร้องเรียน เป็นคนตรงไปตรงมาดี เลยนัดเจอกันแล้วก็ขอให้กองทัพภาค 2 ทำหนังสือขอตัวมาช่วยราชการทำงานเข้าขากัน ถึงไม่มีงบประมาณสนับสนุน ก็ออกตังค์กันเอง ทำด้วยใจ" คณะทำงานด้านกฎหมายกองทัพภาคที่ 2 ระบุ
พ.อ.สมหมาย บอกว่า เขาโชคดีครอบครัวเข้าใจและลูก ๆ โตหมดแล้ว จึงไม่มีภาระต้องดูแลและให้มีเวลาทำงานในเรื่องดังกล่าวมากขึ้นทุก ๆ วัน จะหากไม่อยู่ในพื้นที่ที่ต้องเข้าไปตรวจสอบการบุกรุกก็ต้องศึกษาแผนที่ภาพถ่ายดาวเทียมเอกสารหลักฐานและข้อกฎหมายต่าง ๆ เพื่อประกอบการพิจารณาในการทำงาน
ส่วนการเติบโตในตำแหน่งหน้าที่การงานนั้นก็ไม่ได้สนใจคิดเพียงว่ารับราชการ กินเงินเดือนที่มาจากภาษีราษฎรก็ต้องทำงานให้เต็มที่
“ถ้าเป็นคนอื่นคงถอดใจนอนอยู่บ้านไปแล้ว ตำแหน่งนายทหารประจำนาน 9 ปีแม้ว่าจะขยับเป็นพันเอกพิเศษ ก็เป็นพันเอกพิเศษในอัตราประจำ มันเป็นศูนย์ไม่มีทางที่จะเติบโตก้าวหน้า แต่อย่างที่บอกผมมาจากครอบครัวลูกชาวนา จ.บุรีรัมย์ มาไกลได้เป็นทหารผมไม่คิดอะไรมากกว่า ขอทำเพื่อชาวบ้าน ประเทศชาติ
ทำได้แค่ไหนก็ทำ” คณะทำงานฝ่ายกฎหมายกองทัพภาคที่ 2 กล่าว
และบอกว่า ถือเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายเมื่อกองทัพบกมีคำสั่งแต่งตั้งนายทหารให้เป็นผู้บังคับการกรมพัฒนา 2 โดยก่อนหน้านี้มีผู้ใหญ่หลายคนรวมทั้งพระสงฆ์โทรศัพท์มาให้กำลังใจในการทำงานว่า ขออย่าละทิ้งอุดมการณ์ทำงานให้ทำงานตรงไปมาอย่าเลือกปฎิบัติที่สำคัญต้องให้ความเป็นธรรมกับชาวบ้านด้วยเพราะยังมีอายุราชการอีกถึง 8 ปี จึงอยากให้ทำงานเต็มกำลังความสามารถซึ่งตนจะปฎิบัติตามไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งใด
“เมื่อวันที่ 12 เม.ย.มีนายทหารโทรมา บอกว่า นายกฯ จะคุยด้วยให้รอตอนแรกตกใจมากไม่รู้ว่า เราทำผิดอะไรหรือเปล่า แต่ท่านก็โทรมาถามว่าทำงานเป็นอย่างไรบ้าง ดูอยู่ ติดตามผลงานมาตลอด ท่านก็บอกว่าขอให้ทำงานต่อไปตั้งใจทำงานโดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาการบุกรุกทรัพยากรธรรมชาติและอย่าทำให้ประชาชนเดือดร้อนกับการทำงานของทหาร ผมก็ดีใจเพราะเราอยู่ในตำแหน่งที่ไม่มีความสำคัญ แสดงว่าที่เราทุ่มเททำงานเอาเหงื่อเข้าสู้ แล้วท่านยังเห็นมันก็ภูมิใจสำหรับนายทหารตัวเล็ก ๆ” ผู้บังคับการกรมพัฒนาคนใหม่ระบุ
ไม่เพียงแต่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่โทรศัพท์มาให้กำลังใจในการทำงานเท่านั้น แต่พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมก็ได้เรียกให้เข้าพบและชื่นชมการทำงานอย่างตรงไม่ตรงมาไม่เลือกปฎิบัติของ พ.อ.สมหมายด้วยเช่นกัน
“ท่านไม่ได้เรียกไปสั่งให้ทำหรือไม่ทำอะไร ไม่ได้ห้าม แต่บอกเพียงว่าเห็นว่าทำงาน และอยากให้เป็นตัวอย่างที่ดีของรุ่นน้องต่อไป”
สำหรับการทำงานแก้ไขปัญหาการบุกรุกทรัพยากรธรรมชาตินั้นในรอบ 1ปีที่ผ่านมา พ.อ.สมหมาย กล่าวว่า ได้รับความร่วมมือจากชาวบ้านดีมากปัญหาที่ผ่านมาของชาวบ้านคือไม่รู้กฎหมายและถูกใช้เป็นเครื่องมือในการเข้าไปบุกรุกแผ้วถางป่า หากต้องการคืนผืนป่าเพื่อเป็นทรัพย์สมบัติของชาติจริง ๆ เขายอมนะหลายพื้นที่ไม่มีปัญหาเลย เพราะถ้าพื้นที่กลับไปเป็นผืนป่าหรือพื้นที่สาธารณประโยชน์ทุกคนมีสิทธิใช้ร่วมกัน ไม่มีปัญหา
เขาสนับสนุนและให้ข้อมูลกับชุดทำงานด้วยว่า พื้นที่ตรงไหนเป็นของใครการทำงานของทหารหากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากชาวบ้านจริง ๆ คงไม่สามารถทำอะไรได้มากเท่านี้
พ.อ.สมหมายบอกว่า ปัญหาที่เป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้มีการขยายพื้นที่บุกรุกหลักๆมี 2ประเด็นสำคัญคือ
มติครม.เกี่ยวกับการใช้พื้นที่ป่าที่ออกในยุครัฐบาลที่ผ่านมา มติครม.ที่อนุญาตให้มีการแปลงสินทรัพย์ให้เป็นทุนและการเข้าใช้ประโยชน์จากพื้นที่ การออกมติมักจะเอื้อประโยชน์ในกับนายทุนโดยมีกำนัน ผู้ใหญ่บ้านหรือนักการเมืองท้องถิ่นร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐออกเอกสารสิทธิและการถือครองพื้นที่ที่จัดเป็นพื้นทำกินของราษฎร
นอกจากนี้ มติครม.ของกรมป่าไม้ 2541ก็มีการผ่อนผันเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินของราษฎรแต่กลายเป็นว่ามีการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติเพิ่มเติมทั้งของหน่วยงานรัฐ เช่น นิคมสร้างตนเองที่มีการจัดสรรที่ดินให้กับราษฎรที่ถูกน้ำท่วมและมีการพัฒนาพื้นที่เพื่อให้ชาวบ้านมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
แต่ภายหลังกลับพบว่า มีการนำพื้นที่นิคมไปจัดสรรและขายต่อให้ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ไม่ว่าจะเป็น ทหาร ตำรวจและข้าราชอื่น ๆ รวมทั้งนักการเมืองนักธุรกิจมีชื่อเป็นผู้ครอบครองใบนค.แทนขณะเดียวกันนิคมฯก็ยังมีแจกนค.โดยขยายพื้นที่เกินจากที่กำหนดไว้
“ปัญหาคือ มีการแจกที่ดิน ทั้งๆที่รู้ว่าผิดกฎหมายไม่ว่าจะเป็นพื้นที่สปก.หรือที่การนิคมฯ ยังไม่รวมกับการนำพื้นที่ป่าหรือป่าสงวนฯไปออกเอกสารสิทธิที่ไม่ถูกต้องการเข้าไปบุกรุกป่าเพื่อปลูกยางพารา สร้างรีสอร์ท สร้างบ้านพักตากอากาศซึ่งสิ่งเหล่านี้ ถ้าเจ้าหน้าที่รัฐไม่ให้ความร่วมมือ ก็จะทำไม่ได้“คณะทำงานฝ่ายกฎหมายกองทัพภาคที่ 2 กล่าว
พ.อ.สมหมาย กล่าวอีกว่าหลักการทำงานในพื้นที่ที่มีปัญหาระหว่างรัฐกับชาวบ้านต้องประนีประนอมใช้นิติศาสตร์ แก้ปัญหาอย่างเดียวไม่ได้ต้องใช้รัฐศาสตร์ควบคู่ไปด้วยเพราะข้อห้ามตามกฎหมายบางครั้งก็ขัดกับความเป็นจริงของชีวิตบางพื้นที่คนกับป่าอยู่ร่วมกันได้ ป่าเอื้อประโยชน์ให้มนุษย์คนก็ต้องดูแลป่า
ส่วนพื้นที่ใดจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายขั้นเด็ดขาดก็ต้องทำ เช่น นายทุนบุกรุกป่า นักการเมืองฮุบพื้นที่ป่า
“กรณีนี้ยอมไม่ได้ เพราะนายทุนจะไม่ยอมขาดทุน เขาก็จะใช้ประโยชน์จากทรัพยากรของชาติ โดยไม่ได้ลงทุนอะไร จริง ๆ ปัญหาการบุกรุกทรัพยากรเกิดขึ้นทั่วประเทศ และมีความรุนแรงมาโดยตลอด แต่ไม่มีการจัดการจนเละไปหมด ภาคอีสานนี่มีปัญหาทุกจังหวัด แต่ที่เป็นข่าวส่วนใหญ่เกิดขึ้นที่ จ.นครราชสีมา
เหตุเพราะพื้นที่ใกล้กรุงเทพเหมาะกับการลงทุน จึงมีนายทุนและนักการเมืองแห่เข้าไปจับจอง ทั้ง ๆ ที่รู้ว่า ผิด แต่เมื่อมีเอกสารราชการออกให้ถูกกต้อง แม้จะรู้ว่าผิด แต่ก็กล้าลงทุนทำ เพราะมันเป็นทรัพยากรที่ได้มาฟรี โดยเฉพาะที่ดิน ไม่ต้องลงทุนอะไร”พ.อ.สมหมาย กล่าว
และแม้ขณะนี้รัฐบาลจะประกาศใช้มาตรา 44 แทนกฎอัยการศึกษา โดยให้ความสำคัญในเรื่องการแก้ไขปัญหาการบุกรุกทรัพยากรธรรมชาติ โดยมีคำสั่งที่ 3 และ 4 ระบุให้ทหารมีหน้าที่สนับสนุนการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ที่มีปัญหาหรือพื้นที่พิเศษที่เข้าไปดำเนินการไม่ได้
แต่จนถึงปัจจุบันนับแต่มีประกาศ มีเพียงกรณีเดียวที่ทหารใช้มาตรา 44 เข้าไปตรวจสอบ คือ การก่อสร้างบ้านพักของนายสรยุทธ สุทัศนจินดา พิธีกรข่าวช่อง 3 ที่ไปซื้อที่ดินสร้างบ้านพักตากอากาศจากโครงการมูนแดนซ์เขาใหญ่
“มีเอกสารสิทธิ์ถูกต้องไม่เถียง ผู้ซื้อไม่ผิด แต่ขบวนการได้มาซึ่งเอกสารสิทธิ ไม่ถูกต้อง ดังนั้นผู้เสียหายจะต้องไปฟ้องเอากับผู้ขายโครงการ โดยไล่ฟ้องกันเป็นทอด ๆ ไป
ถ้ากรมที่ดินผิด ก็ไปฟ้องกับกรมที่ดิน ส่วนเจ้าหน้าที่รัฐคนใดผิดหรือมีส่วนเกี่ยวข้องทางหน่วยงานที่รับผิดชอบก็ต้องชี้มูลความผิด ถ้าเรายังปล่อยปัญหาให้เป็นเช่นนี้ โดยไม่มีการแก้ไขต่อไปก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ป่าก็ถูกนำออกมาขายหมด” มือปราบขบวนการฮุบป่า ทิ้งท้าย .