สื่อไทยในสถานการณ์เปลี่ยนผ่าน : เสรีภาพ หรือ ครอบงำ?
วันเสรีภาพสื่อมวลชนโลก สื่อไทยในสถานการณ์เปลี่ยนผ่าน ตัวแทนมูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภค ชี้สื่อมีเสรีภาพมาก แต่ใช้ไม่ถูก นอกจากถูกครอบงำด้วยอำนาจต่างๆ แล้ว ยังถูกครอบงำด้วยเรื่องไร้สาระ ด้านนายกสมาคมนักข่าววิทยุฯ ฝากความหวังไว้กับกลุ่มนักข่าวรุ่นใหม่ให้ศรัทธาในการนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่ดี
วันที่ 3 พฤษภาคม 2558 สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ และสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย เสวนาเรื่อง “สื่อไทยในสถานการณ์เปลี่ยนผ่าน : เสรีภาพ หรือ ครอบงำ?” เนื่องในโอกาสวันเสรีภาพสื่อมวลชนโลก (World Press Freedom Day) ณ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
นายเทพชัย หย่อง นายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย กล่าวถึงสถานการณ์สื่อ ขณะนี้มีความพยายามจากกลุ่มทุนที่เชื่อมโยงกับการเมืองเข้ามาครอบงำสื่อมวลชน ซึ่งถือเป็นความครอบงำที่น่ากลัวกว่ากลุ่มการเมืองผ่านอำนาจรัฐที่ใช้การคุกคาม ขู่เข็ญ ซึ่งมีความชัดเจน สังคมรับรู้ แต่การครอบงำจากกลุ่มทุนเป็นการใช้วิธีที่แยบยล
นายเทพชัย กล่าวถึงการทำงานของสื่อ ถูกวิจารณ์ในประเด็นไม่ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ไม่ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ หรือทำหน้าที่ไม่เป็นอย่างที่สังคมคาดหวัง ส่วนตัวเชื่อว่าการครอบงำจะมีต่อไป แต่ยังถือเป็นประเด็นที่ท้าทายต่อสื่อมวลชนด้วยว่า เมื่อมีประชาธิปไตยเต็มรูปแบบ มีการเลือกตั้ง มีการเมืองของนักการเมือง ความพยายามแทรกแซงสื่อ โดยกลุ่มธุรกิจที่กำกับอำนาจการเมืองจะกลับมาอีก ดังนั้นสื่อจะพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดหลังจากนั้นได้มากน้อยแค่ไหน
"ผมคิดว่าสิ่งที่ทำให้เรามีความหวัง คือความเปลี่ยนแปลงในภูมิทัศน์สื่อที่มีนัยสำคัญ คือสื่อมีความหลากหลาย เช่น ทีวีดิจิทัล 24 ช่อง คือ มีทางเลือกและช่องทางการแทรกแซง ครอบงำยาก คนที่เข้ามาบริหารข่าวของสถานีโทรทัศน์เหล่านี้มีความหวัง เพราะเป็นนักสื่อสารมวลชนรุ่นใหม่ หลายคนและจำนวนมากผ่านวิกฤตการเมือง ผ่านการต่อสู้เรื่องเสรีภาพสื่อ และประเด็นสำคัญบุคลากรที่ทำหน้าที่บรรณาธิการ หรือผู้บริหารสื่อ ถือเป็นนักข่าวที่ร่วมกระบวนการต่อสู้เรื่องเสรีภาพมาทั้งสิ้น ดังนั้นผมเห็นความหวังต่อการทำหน้าที่สื่อมวลชนต่อจากนี้ ทั้งในแง่การให้ความรู้กับประชาชน การตรวจสอบ ยอมรับว่าช่องข่าวปัจจุบันมีการพัฒนาคุณภาพ ข่าวหลายช่องแข่งกันเรื่องการตรวจสอบ ทั้งเชิงสังคม ทุจริต การใช้อำนาจรัฐในทางที่ผิด" นายเทพชัย กล่าว
นายเทพชัย กล่าวถึงสื่อโซเชียลมีเดีย ที่มีบทบาทในการช่วยสนับสนุนและตรวจสอบสื่อกระแสหลัก ถือเป็นอีกด้านของการพัฒนาไปสู่อนาคตที่มีความหวังมากกว่าที่ผ่านมา นอกจากนั้นในความพยายามของนักวิชาการ นักสื่อสารมวลชนที่ต้องการปฏิรูปสื่อ ถือเป็นสัญญาณที่ดีที่จะดึงความศรัทธามาให้กับสื่อ
ส่วนร่างรัฐธรรมนูญ ที่มี 2-3 มาตราเกี่ยวกับสื่อนั้น นายกสมาคมนักข่าววิทยุฯ กล่าวว่า มีทิศทางและนำไปสู่กลไกเพื่อทำให้สื่อมีเสรีภาพในการทำหน้าที่ มีกฎหมายลูกเพื่อปกป้องเสรีภาพสื่อมวลชน นำไปสู่ความรับผิดชอบ และความซื่อตรงในการปฏิบัติหน้าที่ กระตุ้นให้สื่อทำหน้าที่อย่างมีความรับผิดชอบ เมื่อสื่อมีบทบาทมาก กลุ่มผลประโยชน์ก็ต้องการเข้ามามีบทบาทและแทรกแซงการนำเสนอมากขึ้นด้วย ดังนั้น สื่อต้องพิจาณาด้วยว่าจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้มีการแทรกแซง พร้อมฝากความหวังไว้กับกลุ่มนักข่าวรุ่นใหม่ หากเขาเชื่อและศรัทธาในการนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่ดี นายทุนจะไม่สามารถสั่งให้นักข่าวรุ่นใหม่ทำในสิ่งที่ฝ่ายการเมืองหรือฝ่าย ทุนต้องการให้ทำได้
ด้านผศ.ดร.พิรงรอง รามสูต รณะนันทน์ คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เขียนรายละเอียดเกี่ยวกับเสรีภาพสื่อมวลชนไว้จำนวนมาก แต่ไม่มีหลักประกันใดที่ทำให้เห็นว่าจะเกิดขึ้นจริง ส่วนการเปลี่ยนผ่านของสื่อมวลชนในประเด็นเสรีภาพ ซึ่งร่างรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายได้สร้างกลไกหลายอย่างไว้ โดยมองว่าประเทศไทยได้ให้หลักประกันเรื่องด้งกล่าวไว้มากที่สุดในโลก แต่ในเชิงจิตวิญญาณของสื่อมวลชน ไม่สามารถเปลี่ยนผ่าน หรือปฏิรูปจิตวิญญาณในเชิงงอิสระได้ เช่น สื่อมวลชนไม่กล้าวิจารณ์ทหาร หรือกองทัพ สื่อมวลชนสามารถพูดถึงการเปลี่ยนผ่านในสังคมได้ ระดับ 50 เปอร์เซ็นต์- 60 เปอร์เซ็นต์ แต่สื่อไม่สามารถพูดถึงรากเหง้าของปัญหาที่ชัดเจนได้ แม้จะระบุถึงแต่ก็เลือกจะข้ามไป หากมีสื่อที่ระบุถึงก็จะถูกมองว่าเป็นสื่อเลือกข้าง
"ท้ายสุดความเป็นอิสระจากค่านิยม คืออุดมการณ์ของสื่อ ที่มีอิสระได้ทำแล้วหรือไม่ แม้จะมีกลไกในรัฐธรรมนูญ แต่รัฐธรรมนูญก็แก้ไขได้เรื่อยๆ แต่อุดมการณ์สื่อที่ถูกครอบงำ ถือเป็นสิ่งที่พูดยาก เพราะมีหลายอย่างเกี่ยวกับความสัมพันธ์เชิงอำนาจ"
ผศ.ดร.พิรงรอง กล่าวถึงก่ารเรียนการสอนผู้สอนต้องสอนให้เด็กรู้จักรับผิดชอบสังคมนอกห้องเรียนด้วยวิชาชีพของตน แต่ต้องเข้าใจว่าการที่เด็กเรียนจบแล้วไปทำงานด้านสื่อในยุคที่มีความขัดแย้งสูงจะทำให้เด็กหรือคนรุ่นใหม่ไม่ศรัทธาในวิชาชีพของตนเพราะเบื่อความขัดแย้ง ฉะนั้นต้องพัฒนาตั้งแต่ระบบการเรียนการสอนเพื่อเมล็ดพันธ์ุที่ดี
ด้าน นางสุวรรณา จิตประภัสสร์ มูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภค กล่าวถึงการควบรวมสื่อมวลชนในประเทศไทย ถือเป็นความหมายเดียวกับการครอบงำสื่อมวลชนด้วย ซึ่งล่าสุดภาคประชาชนได้รวมตัวเพื่อตรวจสอบและสนับสนุนการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน ทั้งนี้ การทำให้สื่อมวลชนเข้มแข็ง มีตัวอย่างจากต่างประเทศในการเสริมสร้างความเข้มแข็ง อาทิ มีสื่อสาธารณะที่เข้มแข็งเพื่อต่อสู้กับกลุ่มทุน ที่อันตรายมากกว่ากลุ่มการเมือง มีการตั้งสหภาพแรงงานสื่อมวลชนเพื่อต่อรอง เมื่อกลุ่มทุนเข้ามาบงการการทำหน้าที่
ขณะที่ในประเทศไทย นางสุวรรณา กล่าวว่า มีประเด็นที่น่ากังวล คือ กรณีที่องค์กรที่กำกับดูแลการดำเนินกิจการของสื่อมวลชน อย่าง กสทช. ส่งเสริมให้เกิดการควบรวมสื่อมวลชน ซึ่งถือเป็นการเปิดโอกาสให้เกิดการครอบงำสื่อมวลชนได้โดยตรง
"เนื่องในวันเสรีภาพสื่อมวลชน ฐานะตัวแทนภาคประชาชนขอเรียกร้องไปยังสื่อมวลชนด้วยว่าต้องทำหน้าที่และนำเสนอข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะอย่างแท้จริง เพื่อให้ประชาชนได้ความคิด หากสื่อไม่ทำหน้าที่ที่เป็นประโยชน์แล้วประชาชนอาจอยู่ในภาวะจนตรอก และไม่สามารถปกป้องสิทธิของตนเองได้"
นางสุวรรณา กล่าวด้วยว่า สื่อปัจจุบันนอกจากถูกครอบงำด้วยอำนาจต่างๆ แล้ว สื่อยังถูกครอบงำด้วยเรื่องไร้สาระอีกด้วย เสรีภาพของสื่อมีมาก แต่ใช้ไม่ถูก ฉะนั้นจึงขอวิพากษ์วิจารณ์สื่อว่า ควรใช้สิทธิและเสรีภาพอย่างเหมาะสม ถ้ายังเป็นอยู่อย่างนี้ก็ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์ไม่จบสิ้น รวมถึงระบบการเรียนการสอนก็มุ่งเน้นความรับผิดชอบทางสังคมให้สูงขึ้น
"สังคมไทยกำลังอยู่ในยุคเปลี่ยนผ่านไม่ใช่แค่เรื่องสื่อ แต่เกือบทุกเรื่อง และทุกเรื่องนั้นต้องกลายเป็นวาระแห่งชาติหรือที่สงสัยมากคือ ทำไมสื่อต้องเอาเรื่องไร้สาระ มาเป็นพื้นที่หน้าหนังสือพิมพ์ ทั้งที่ไม่ได้มีอะไรเลย ไม่ใช่เรื่องที่มีประโยชน์ แล้วเรื่องดีๆ เรื่องสาธารณะ เรื่องนโยบายสำคัญต่างๆ ตกไปอยู่ตรงไหน"
ส่วนนายประดิษฐ์ เรืองดิษฐ์ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ กล่าวถึงข้อเรียกร้องของแถลงการณ์องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน ที่ต้องการให้ยกเลิกคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะมีการผลักดันเพื่อให้พิจารณายกเลิกต่อไป
สำหรับความขัดแย้งและเห็นต่างปัจจุบันนั้น สปช.สายสื่อมวลชน กล่าวว่า ยังคงอยู่ และ คสช.ไม่ต้องการให้เกิดความเห็นต่างเกิดขึ้นในเวทีต่างๆ แต่การห้ามแสดงความเห็นต่าง ในมิติของความมั่นคงต้องคลายลงเพื่อให้สื่อมวลชนได้ทำหน้าที่ ขณะเดียวกันสื่อมวลชนต้องตระหนักถึงสถานการณ์และการทำหน้าที่ รวมถึงต้องทบทวนการทำหน้าที่ของตนเองด้วย
"สื่อมวลชนเองไม่ควรปล่อยให้อำนาจมาครอบงำ มิเช่นนั้นตัวสื่อเองจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ไม่สิ้นสุด และต้องปลูกจิตสำนึกปลุกจิตวิญญาณสื่อ ปฎิรูปก็ต้องปฎิรูปกันตั้งแต่เมล็ดพันธุ์ และทำอย่างไรให้เสรีภาพที่สื่อได้นำไปใช้เพื่อประโยชน์สาธารณะ"