สธ.เร่งบังคับใช้ กม.มาตรฐานร้านขายยาเเผนปัจจุบัน รองรับประชาคมอาเซียน
รมว.สธ.เปิดประชุมชมรมร้านขายยาเเห่งประเทศไทย เน้นยกระดับร้านขายยาเเผนปัจจุบันสู่คุณภาพ รองรับประชาคมอาเซียน เลขาธิการ อย.เผยปัจจุบันมีร้านยาทั้งคนเเละสัตว์ 1.9 หมื่นร้าน ผ่านการรับรองคุณภาพเพียง 972 ร้าน
วันที่ 26 เมษายน 2558 ที่เมืองทองธานี จ.นนทบุรี ศาสตราจารย์ นายแพทย์รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (รมว.สธ.) กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2558 ชมรมร้านขายยาแห่งประเทศไทย ซึ่งมีสมาชิกประมาณ 7,000 ร้านทั่วประเทศ ว่า กระทรวงสาธารณสุข มีนโยบายยกระดับให้ร้านขายยาแผนปัจจุบันเป็น 'ร้านยาคุณภาพ' เป็นที่พึ่งของประชาชนจำนวนมากที่มีอาการป่วยเล็กน้อย เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยประชาชน สร้างความเชื่อมั่นด้านมาตรฐานและคุณภาพบริการ รองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปลายปีนี้
โดยได้ออกกฎกระทรวงฉบับใหม่ ว่าด้วยการขออนุญาตและการขอใบอนุญาตขายยาแผนปัจจุบัน พ.ศ.2556 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 25 มิถุนายน 2557 เป็นต้นมา สาระของกฎกระทรวงฉบับนี้ จะครอบคลุมร้านขายยา 4 ประเภท ได้แก่ ร้านขายยาแผนปัจจุบัน ร้านขายยาแผนปัจจุบันบรรจุเสร็จที่ไม่ใช่ยาอันตรายหรือยาควบคุมพิเศษ ร้านขายยาแผนปัจจุบันบรรจุเสร็จสำหรับสัตว์ และร้านขายส่งยาแผนปัจจุบัน
รมว.สธ. กล่าวต่อว่า มีการกำหนดให้สถานที่ขายยาจะต้องมีมาตรฐานถูกสุขลักษณะ เก็บรักษายาได้อย่างมีคุณภาพ เป็นไปตามวิธีปฏิบัติทางเภสัชกรรรม ตามมาตรฐานสากล หรือ จีพีพี (GPP : Good Pharmacy Practice) และมีผู้ประกอบวิชาชีพอยู่ประจำเวลาทำการ พร้อมทั้งแสดงรูปถ่าย ชื่อ สกุล และหลักฐานเลขที่ใบประกอบวิชาชีพหรือใบประกอบโรคศิลปะ และเวลาที่ปฏิบัติงานชัดเจน
"ร้านขายยาที่ขออนุญาตเปิดร้านหลังจากกฎหมายบังคับใช้ จะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนด ส่วนร้านที่เปิดมาก่อนกฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้ ได้ให้เวลาในการปรับปรุงมาตรฐานภายใน 8 ปี"
นายแพทย์รัชตะ กล่าวอีกว่า ได้สนับสนุนให้สมาชิกของชมรมร้านขายยาทั่วประเทศ เร่งพัฒนาร้านขายยาให้สามารถปฏิบัติตามกฎหมายและพัฒนาเป็นร้านยาคุณภาพ โดยกระทรวงสาธารณสุข จะให้เป็นหน่วยร่วมบริการสุขภาพ ในระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า ช่วยคัดกรองโรคเรื้อรังเบื้องต้น จัดการปัญหาที่เกี่ยวกับยา การเป็นแหล่งเติมยาให้ผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่คุมอาการได้แล้ว ให้คำปรึกษาเพื่อเลิกบุหรี่ รวมทั้งการให้คำปรึกษาด้านสุขภาพและยา ซึ่งในขณะนี้มีโครงการนำร่องร้านขายยาคุณภาพใน 27 จังหวัดแล้ว
นอกจากนี้ ในปีนี้จะขอความร่วมมือร้านขายยา ร่วมแก้ไขปัญหาการใช้ยาอย่างไม่เหมาะสม โดยควบคุมการจำหน่ายยาแก้ปวดชนิดหนึ่ง ซึ่งพบกลุ่มวัยรุ่นและเยาวชนนำไปผสมกับยาแก้ไอ แก้แพ้ชนิดน้ำเชื่อม และขายผ่านอินเตอร์เน็ตผิดกฎหมาย เพื่อให้เกิดอาการมึนงง เคลิ้ม หากใช้เกินขนาดจะเกิดอันตรายทำให้หัวใจล้มเหลว ชัก อาจเสียชีวิตได้ และยากลุ่มสเตียรอยด์ ซึ่งมีการนำไปปลอมปนในยาแผนโบราณ ทั้งยาลูกกลอน ยาน้ำ ยาผงบรรจุแคปซูล เช่นยาบำรุง ยากษัยเส้น ยาประดง ยาชุดอ้วน ยาชุดเจริญอาหาร
โดยมีขายทางรถเร่ วางขายในร้านค้า ร้านขายของชำ มีการโฆษณาแพร่หลายทางโทรทัศน์ดาวเทียม สถานีวิยุชุมชนการขายตรงในรูปแบบอาหารเสริม รวมทั้งการโอ้อวดสรรพคุณรักษาได้สารพัดโรคเกินจริง เป็นปัญหาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบท โดยยากลุ่มนี้จะไปกดอาการของโรค ทำให้คิดว่าหายป่วย เสียโอกาสในการรักษา และยังทำให้เป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง กระดูกพรุน เป็นแผลในกระเพาะ และอาจเสียชีวิตได้จากการผิดปกติของระบบต่อมไร้ท่อในร่างกาย อีกด้วย
ด้านนายแพทย์บุญชัย สมบูรณ์สุข เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวถึงการต่ออายุใบอนุญาตร้านขายยาจากนี้ไป จะต้องผ่านการตรวจประเมินมาตรฐาน ทั้งด้านสถานที่ อุปกรณ์ การปฏิบัติตามจีพีพี โดยขณะนี้ อย.อยู่ระหว่างการจัดทำประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ในการตรวจประเมิน พร้อมทั้งจัดทำคู่มือตรวจประเมินเป็นแนวทางปฏิบัติงานเจ้าหน้าที่ โดยจะจัดประชุมชี้แจงเจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศและแจ้งให้ร้านขายยาเตรียมความพร้อมในการตรวจประเมินเพื่อต่อใบอนุญาตต่อไป
อย่างไรก็ตาม ร้านขายยาที่ขออนุญาตก่อนกฎกระทรวงฯ มีผลบังคับใช้ ยังคงมีเวลาในการปรับปรุงให้เป็นไปตามกฎหมายได้ในระยะเวลาหนึ่งแต่ไม่เกิน 8 ปี ซึ่งกำหนดเวลาบังคับชัดเจนนั้น จะจัดทำเป็นประกาศกระทรวงสาธารณสุขต่อไป โดยเมื่อร้านขายยาทุกร้านปฏิบัติตามกฎหมายฉบับใหม่นี้ จะทำให้ทุกร้านพร้อมเข้าสู่การรับรองคุณภาพเป็นร้านยาคุณภาพในที่สุด
ทั้งนี้ ปัจจุบันมีร้านขายยาแผนปัจจุบันทั้งคนและสัตว์ทั้งหมด 19,245 ร้าน ร้อยละ 73 อยู่ในภูมิภาค ในจำนวนนี้ผ่านการรับรองจากสภาเภสัชกรรม เป็นร้านยาคุณภาพแล้วจำนวน 972 ร้าน กระจายทั่วประเทศ .
ภาพประกอบ:เว็บไซต์ TNAMCOT.COM