เปิดใจ ผบ.ร้อยทหารพราน 1109 น้ำตาตกเหตุ 4 ศพสุคิริน
มีบางแง่มุมหลังเกิดเหตุรุนแรงไม่ค่อยถูกนำเสนอผ่านสื่อสู่พื้นที่สาธารณะมากนัก นั่นก็คือความรู้สึกของเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบพื้นที่เกิดเหตุรุนแรงนั้น
กรณีคนร้ายบุกสังหารชาวบ้านไทยพุทธในวัยกลางคนและวัยชราถึง 4 ศพที่บ้านน้อมเกล้า ตำบลสุคิริน อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2558 มีเสียงสะท้อนจากชุมชน จากครอบครัวของผู้สูญเสีย และจากคนของรัฐในระดับนโยบาย
ทว่าเสียงของเจ้าหน้าที่ทหารพรานตัวเล็กๆ คนหนึ่งซึ่งรับผิดชอบพื้นที่และต้องยืนรับกระแสกดดันอันใหญ่หลวง เป็นเสียงที่มักถูกละเลยไป
ทหารชุดดำตัวเล็กแต่นัยน์ตาแข็งซีดนายนั้น คือ ร.ท.เสน่ห์ ดีอ่วม ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่ 1109 รับผิดชอบตำบลสุคิริน
"คืนเกิดเหตุรับแจ้งว่ามีการวางเพลิงบ้านลุงจุล อินเอิบ เลขที่ 286 หมู่ 12 บ้านน้อมเกล้า ตำบลสุคิริน ผมก็นำกำลังเข้าไปเพื่อดับไฟ แต่พอไปถึงก็พบศพลุงจุลและภรรยา จึงทราบว่าไม่ใช้เรื่องเผาอย่างเดียว ก็เลยแบ่งกำลังออกเป็น 2 ชุด ชุดหนึ่งดับไฟ อีกชุดหนึ่งเฝ้าระวัง" ร.ท.เสน่ห์ เล่าถึงเหตุการณ์ที่เรียกได้ว่าเป็นฝันร้ายในอาชีพทหารของเขา
"หลังจากนั้นก็พบว่ามีเพลิงไหม้บ้านข้างๆ ด้วย เป็นบ้านของป้าอารี รัตนะ พอไปถึงก็พบศพป้าอารีกับลูกชาย คือ นายสมนึก รัตนะ ก็ไม่รู้ว่าบ้านไหนเกิดเหตุก่อน แต่ที่บ้านลุงจุล พบร้องรอยคนร้ายใช้ขี้ยางมากองๆ ด้านหลังแล้วจุดไฟเผาบ้าน และที่ศพลุงจุลก็ไฟไหม้ด้วย ในบ้านมีอาหารวางอยู่ เหมือนกำลังพักผ่อนทานข้าว ประตูเปิดอยู่ โทรทัศน์เปิดอยู่ ที่มือลุงจุลยังคีบใบจาก ส่วนอีกหลังหนึ่งก็มีสภาพคล้ายๆ กัน"
แน่นอนว่าเมื่อเกิดเหตุสังหารชาวบ้านไทยพุทธถึง 4 คนในคราวเดียว หนำซ้ำยังเป็นไทยพุทธชุดสุดท้ายของบ้านน้อมเกล้า แรงกดดันก็ถาโถมเข้าใส่ ร.ท.เสน่ห์ ทันที
"ผมถูกนาย (ผู้บังคับบัญชา) ตำหนิว่าบกพร่อง ชาวบ้านก็มาต่อว่าว่าทหารไม่มาดูแล ทั้งที่เราก็เข้าไปดูแลเป็นประจำ ผมมีกำลังอยู่ 60 นาย ใน 60 นายนี้ก็มีพักมีลาบ้าง ต้องรับผิดชอบ 13 หมู่บ้าน ประชากร 4,000 กว่าคน"
"จริงๆ แล้วพวกผมทำงานกันเต็มที่ ลูกน้องแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน แต่ชาวบ้านไม่เข้าใจ จริงๆ แล้วการลาดตระเวน ไม่ใช่ไปลาดตระเวนบนถนน ไม่อย่างนั้นลูกน้องก็อันตราย ถูกซุ่มยิง ถูกระเบิด ฉะนั้นจึงใช้ยุทธวิธีไปซุ่ม จุดที่เกิดเหตุก็เคยมาซุ่มเป็นระยะ ชาวบ้านอาจจะไม่เห็น"
"ผมเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผมพลาด ผมยอมรับ ผมเครียด ตั้งแต่เกิดเรื่องยังไม่ได้นอนเลย ที่ผ่านมาก็ทำงานเต็มที่ แต่ก็มาเกิดเหตุจนได้ ผมไม่อยากให้มันเกิด แต่ด้วยสภาพพื้นที่อยู่ติดชายแดนอำเภอจะแนะ ทำให้เฝ้าระวังยาก อยู่ห่างจากฐานของผมประมาณ 2 กิโลเมตร" ร.ท.เสน่ห์ ระบายความในใจอย่างพรั่งพรู
สภาพพื้นที่ของตำบลสุคิรินเป็นตามที่ ผบ.ร้อยทหารพรานที่ 1109 อธิบาย บริเวณที่ตั้งฐานเป็นทางสามแพร่ง คล้ายสามแยก ด้านหนึ่งมาจากอำเภอสุคิริน ด้านหนึ่งมุ่งขึ้นไปอำเภอศรีสาคร และอีกด้านหนึ่งพุ่งลงไปอำเภอจะแนะ ทั้งหมดอยู่ในจังหวัดนราธิวาส และขึ้นชื่อเรื่องการเป็นพื้นที่เคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง หรืออาจเรียกว่าเป็นพื้นที่สีแดงจัด โดยเฉพาะอำเภอจะแนะซึ่งมีเพียงแม่น้ำสายบุรีกั้น และบ้านลุงจุลก็อยู่หลังสุดท้ายก่อนถึงสะพานข้ามแม่น้ำ ในหน้าแล้งน้ำแห้งขอดจนเดินข้ามได้
ที่สำคัญจังหวะเวลาเกิดเหตุซึ่งเกิดหลังจากปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ผิดพลาดที่บ้านโต๊ะชูด ตำบลพิเทน อำเภอทุ่งยางแดง จังหวัดปัตตานี ทำให้มีผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตถึง 4 ราย ทำให้มีการแจ้งเตือนให้ระมัดระวังการก่อเหตุล้างแค้น ด้วยเหตุนี้เหตุสังหารหมู่ที่สุคิรินจึงเกิดขึ้นท่ามกลางกระแสตึงเครียดและการแจ้งเตือน ทำให้ความผิดพลาดของทหารพรานที่รักษาพื้นที่ถูกมองแง่ลบเป็นสองเท่า
"ผมทำงานเต็มที่ ไม่ได้หลับไม่ได้นอน แต่ก็พลาดจนได้ พอเกิดเรื่องแฟนก็โทรมาตามให้กลับบ้าน อะไรๆ ก็มาซ้ำเติม น้องชายผมก็มาเสียชีวิตอีก ผมจะกลับบ้านก็กลับไม่ได้ เพราะผมมีอาชีพทหาร ผมก็บอกกับแฟนไปว่าผมเป็นทหาร ผมกลับไม่ได้ ผมต้องดูแลประชาชน ผมบอกลูกน้องทุกคนว่าผมไม่ทิ้งพวกเราทุกคน" ร.ท.เสน่ห์ กล่าวเสียงดังพลางน้ำตาไหลด้วยความอัดอั้น
ผบ.ร้อย ทพ.1109 บอกด้วยว่า คนที่ไม่เคยอยู่ในพื้นที่แบบนี้ไม่ทราบหรอกว่าในพื้นที่เป็นอย่างไร ก็พูดกันไปว่าเกิดจากเรื่องโน้นเรื่องนี้ ต้องแก้อย่างนั้นแก้อย่างนี้ แต่คนที่อยู่ในพื้นที่จะรู้ว่ามันไม่ใช่ทำงานง่ายๆ มันมีปัญหามากมาย มีความขัดแย้งหลายอย่างซุกซ่อนอยู่ ไม่ใช่เรื่องขบวนการแบ่งแยกดินแดนเพี่ยงอย่างเดียว แต่หน่วยเหนือมักมองว่าเป็นเรื่องความมั่นคงเป็นหลัก
"ชายแดนอำเภอสุคิรินกับอำเภอจะแนะมีแม่น้ำสายบุรีกั้น มีสะพานข้าม ครึ่งหนึ่งเป็นจะแนะ อีกครึ่งหนึ่งเป็นสุคริน บางช่วงน้ำแห้งก็เดินข้ามได้ ก่อนเกิดเหตุประมาณ 2 เดือน บนสะพานมีการพ่นสีคำว่า 'ไอ้แก่ตายแน่' แล้วก็เขียนว่า 'ปัตตานี เมอร์เดก้า' ฉะนั้นถ้ามองในแง่ที่ว่าไอ้แก่หมายถึงลุงจุล ก็แสดงว่าคนร้ายเตรียมการมานานแล้ว ก็อาจจะไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์แก้แค้น 4 ศพที่ทุ่งยางแดง แต่ทางผู้บังคับบัญชามองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องความมั่นคงแน่นอน แต่จากที่ผมอยู่ในพื้นที่มานาน ผมคิดว่ามันมีปัญหาอื่นแทรกซ้อน"
"ที่ผ่านมามีชาวบ้านเล่าให้ฟังว่าก่อนหน้านี้หมาบ้านลุงจุลไปกัดแพะบ้านของเพื่อนบ้านจนโกรธเคืองกัน และมีการมาวางยาหมา ผมบอกได้เลยว่ามันมีอะไรลึกๆ หลายอย่างในพื้นที่ ก่อนหน้านี้มีคนมาขอซื้อที่ดินของลุงจุลและบ้านใกล้เคียงที่โดนสังหารเหมือนกัน รวมที่ดินแล้วก็หลายสิบไร่ ที่ดินติดน้ำ สร้างอะไรได้หลายอย่าง ผมไม่อยากพูดให้ลึกกว่านี้ ต้องดูว่าเกิดเหตุแล้วใครได้ประโยชน์ มีใครขัดแย้งกันบ้าง อย่ามองเป็นเรื่องขบวนการแบ่งแยกดินแดนอย่างเดียว"
"ผมบอกได้เลยว่าทหารเราถึงอย่างไรก็ดูแลไม่ทั่วถึง เพราะสภาพพื้นที่กว้าง เป็นป่าเขา บ้านก็อยู่ห่างๆ กัน ฉะนั้นประชาชนต้องช่วยเจ้าหน้าที่ด้วย ผมไปพูดที่วัดหลังเกิดเหตุ มีการประชุมชาวบ้านไทยพุทธ ผมพูดตรงๆ เลยว่าเหตุมันเกิดแบบนี้ได้เพราะพวกเราไม่สามัคคีกัน ถ้าสามัคคีไม่เกิดแบบนี้หรอก"
ร.ท.เสน่ห์ ยอมรับว่า เขาถูกคำสั่งย้ายออกจากพื้นที่ให้ไปปฏิบัติหน้าที่ที่กรมทหารพรานที่ 11 อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส ในวันที่ 26 เมษายนนี้ ส่วนตัวไม่รู้สึกเสียใจ เพราะเมื่อปฏิบัติหน้าที่ผิดพลาดก็ต้องรับผิดชอบ เพียงแต่คิดว่าไม่น่ามาเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงถึงขนาดมีประชาชนเสียชีวิตถึง 4 ศพเลย
ด้าน นายสักรี มามะ ผู้ใหญ่บ้านน้อมเกล้า หมู่ 12 กล่าวอีกมุมหนึ่งว่า มั่นใจว่าคนที่ก่อเหตุมาจากนอกพื้นที่ น่าจะข้ามมาทางอำเภอจะแนะ เมื่อก่อเหตุก็ย้อนกลับไปทางเดิม เพราะก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ทหารพรานพบการเคลื่อนไหวของกลุ่มชายฉกรรจ์ในละแวกบ้านที่เกิดเหตุ ซึ่งลุงจุลเองก็รู้เรื่องดี มีเสียงยิงปืนฝั่งโน้น (ฝั่งอำเภอจะแนะ) มีวัยรุ่นมาขี่รถจักรยานยนต์ก่อกวนเสียงดัง ลุงจุลก็ไม่ว่าอะไร แกเป็นคนอารมณ์ดี ใจดี ไม่คิดอะไรมาก แล้วก็บอกกับทุกคนว่าแก่แล้ว คงไม่มีใครมาทำอะไร
ส่วน สมนึก รัตนะ ก็เคยเป็นชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ที่นี่พุทธกับมุสลิมอยู่ร่วมกันได้เป็นอย่างดี ไม่เคยมีปัญหาขัดแย้งแตกแยกแบ่งพุทธแบ่งมุสลิมกัน ฉะนั้นจึงมั่นใจว่าคนที่ก่อเหตุไม่ใช่คนในพื้นที่แน่นอน แต่ก็กำลังสืบสวนหาข่าวอยู่ว่ามีคนในรู้เห็นบ้างหรือไม่
ดูเหมือนกรณี 4 ศพสุคิรินจะกลายเป็นปริศนาดำมือต่อไป และแน่นอนย่อมเป็นไฟสุมขอนให้สถานการณ์ชายแดนใต้สงบยากมากขึ้นไปอีก
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : ร.ท.เสน่ห์ ดีอ่วม