‘ฝังแร่ถาวร’ ภาครัฐอย่าคิด "รพ.อยู่เมืองจีน ไม่สามารถทำอะไรได้"
“ถ้าจีนเห็นว่าดี ต้องมีวิจัย ถ้าไม่มีก็อย่ามาทำกันเละละเกะกะแบบนี้ ผมเชื่อว่าถ้าติดต่อไปในระดับกระทรวงต่อกระทรวง ก็น่าจะได้รับความร่วมมือที่ดี”
หมายเหตุ: วันที่ 21 เมษายน 2558 นพ.บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว ‘Banchob Junha’ เรื่อง‘ฝังแร่ถาวร’ ภาครัฐฯ อย่าคิดแค่ว่า "รพ.อยู่เมืองจีน เราไม่สามารถทำอะไรได้" ต่อกรณีผู้ป่วยโรคมะเร็งเดินทางไปรักษาตัวด้วยวิธีฝังแร่กัมมันภาพรังสีไอโอดีน 125 ณ ประเทศจีน
โรงพยาบาลรักษามะเร็งแห่งหนึ่งในประเทศจีนที่กว่างโจว ซึ่งเดี๋ยวนี้ไม่ต้องเอ่ยชื่อ ใคร ๆ ก็รู้จัก เพราะรพ.นี้ได้มาทำการโฆษณา เรื่องการรักษามะเร็งอย่างหนักที่เมืองไทยมาหลายปี มีการเปิดแถลงที่กรุงเทพฯ และมีแพทย์ชาวจีนมาให้คำแนะนำ มีการโฆษณาทางโทรทัศน์ อินเตอร์เน็ต หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่อีกมากมาย แถมยังโฆษณาว่า รักษามะเร็งฟรีเพื่อเฉลิมพระเกียรติอีกด้วย (ไม่รู้จะเข้าข่ายแอบอ้างเบื้องสูงหรือเปล่า)
ผลก็คือมีคนไทยไปรักษามะเร็งที่นั่นจำนวนไม่น้อย วิธีที่แปลกแหวกแนวนอกเหนือข้อกำหนดทางการแพทย์สากลว่าด้วยการรักษามะเร็งก็คือ การฝังแร่ถาวรเข้าไปล้อมก้อนมะเร็งในร่างกาย วิธีนี้การแพทย์แบบแผนมีใช้เหมือนกัน เฉพาะกับมะเร็งต่อมลูกหมากในระยะต้น แต่รพ.แห่งนี้เล่นใช้วิธีนี้กับมะเร็งทุกมะเร็ง ทุกระยะ เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งปอด กระทั่งมะเร็งที่แพร่กระจายไปปอด กระดูก ท้อง สมอง ก็ฝังเข้าไปตามอวัยวะนั้น ๆ จากนั้นก็ให้ผู้ป่วยกลับบ้าน แล้วนัดไปฝังแร่ซ้ำอีกหลาย ๆ ครั้งจนผู้ป่วยบางรายก็เสียชีวิต
การปล่อยให้ผู้ป่วยกลับบ้านไปเลยทั้งที่มีแร่กัมมันตภาพรังสีอยู่ในตัว และแพร่รังสีไปรอบทิศ ผู้คนรอบข้างที่รับรังสี ถ้าเป็นหญิงมีครรภ์มีสิทธิ์ทารกตายคลอด คลอดผิดปกติ พิกลรูป ทั้งเด็กเล็ก และผู้ใหญ่อาจเป็นมะเร็งได้อีกด้วย
ที่ศิริราชพบว่ามีผู้ป่วยหลายรายมีปริมาณรังสีแพร่กระจายออกมาทางผิวหนังมาก ศัลยแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ระดับต่าง ๆ ที่เข้าไปดูแลรักษาผู้ป่วยต้องโดนรังสี รวมทั้งคนในครอบครัว ญาติพี่น้องและเพื่อนฝูงในที่ทำงานอีกด้วย
แม้เมื่อผู้ป่วยตายไป กัมมันตภาพรังสีก็ยังอยู่ในศพ กระทั่งเถ้ากระดูก
พอเรื่องนี้ทำท่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ก็มีการประชุมกันขึ้นมาโดยมีท่าน รมช.กระทรวงสาธารณสุข อธิบดีกรมการแพทย์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งฯ ราชวิทยาลัยรังสี รวมถึงอาจารย์แพทย์อีกหลายท่าน
ที่ประชุมต่างเห็นความสำคัญของเรื่องนี้ แต่ที่น่าแปลกใจก็คือ ผลสรุปในด้านมาตรการการจัดการกับกรณีนี้กลับสรุปเอาตรงที่ว่า “ไม่สามารถดำเนินกับกับรพ.ดังกล่าวได้ เนื่องจากผู้ป่วยไปรักษาที่จีน แพทยสภาไม่สามารถทำอะไรได้”
แต่ผมกลับมีความคิดเห็น ดังนี้
1.สำนักกำกับดูแลความปลอดภัยทางรังสี ของสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานนี้มีพันธกิจที่ประกาศไว้ว่า กำกับดูแลความปลอดภัยทางรังสี ประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภายในประเทศและต่างประเทศเกี่ยวกับการกำกับดูแลความปลอดภัยทางรังสี หน่วยงานนี้ต้องรับผิดชอบเต็มๆ นอกจากต้องเรียกร้องหาความปลอดภัยทางรังสีให้แก่สุขภาพคนไทยแล้ว ยังต้องดูแลการปนเปื้อนกากปรมาณูจากเถ้าธุลีของคนตายที่กระทบต่อสิ่งแวดล้อมในประเทศไทยอีกด้วย
2.กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ย่อมสามารถพิจารณาความถูกต้องเหมาะสมในการดำเนินธุรกิจ หรือเผยแพร่เว็บไซต์ของ รพ.ดังกล่าวในประเทศไทย ธุรกิจของ รพ.เมืองจีนดังกล่าวจะไม่สามารถดำเนินการทางการตลาดในประเทศไทยได้ ถ้าไม่มีสำนักงานตัวแทน ผู้จัดการหรือนายหน้าที่มาดำเนินการชักชวนผู้ป่วยคนไทยไปรักษา รวมทั้งยังมีสื่อโฆษณาต่าง ๆ เว็บไซต์ของบริษัทดังกล่าวที่เผยแพร่อยู่ในประเทศไทย ถ้าในกระทรวงสาธารณสุขพยักหน้าทีเดียวว่า วิธีนี้เป็นทุเวชกรรม
3.กรมการแพทย์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ของกระทรวงสาธารณสุข อย่าเพิ่งดูถูกตัวเองว่า ไม่สามารถจัดการอะไรได้ เพราะประเทศไทยกับจีนมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แม้กระทั่งการแพทย์และสาธารณสุข จีนมีนโยบายที่จะ “ขาย” การบริการการแพทย์แบบดราม่ามาโดยตลอด เช่น การบังคับให้ทุกบริษัททัวร์เอาลูกค้าไปชมการใช้มือลูบโซ่เหล็ก จับชีพจรแล้วคนทั้งทัวร์ก็เปลี่ยนจากคนดีเป็นคนป่วยไปหมด ต้องซื้อยาของเขาคนละหมื่นสองหมื่น
เรื่องมะเร็งก็เหมือนกัน จีนคงอยากจะขายบริการของเขาด้วย แต่โลกสมัยนี้ย่อมมีกฎ กติกา จรรยา มารยาท โดยเฉพาะการประกอบโรคศิลป์ ถ้าการฝังแร่ถาวรล้อมก้อนมะเร็งไปทุกมะเร็ง ทุกระยะ และทั่วร่างกายนี้ ไม่มีที่ไหนที่เขาทำกัน
“ถ้าจีนเห็นว่าดี ต้องมีวิจัย ถ้าไม่มีก็อย่ามาทำกันเละละเกะกะแบบนี้ ผมเชื่อว่าถ้าติดต่อไปในระดับกระทรวงต่อกระทรวง ก็น่าจะได้รับความร่วมมือที่ดี”
ประเทศจีนมีระบบบริหารที่รวมศูนย์ ถ้าส่วนกลางเขาเข้าใจในความไม่ถูกต้องและปัญหาที่กำลังเกิดขึ้น ก็อาจมีคำสั่งระงับบริการของ รพ.ดังกล่าวได้ ดีไม่ดี อาจมีการตัดสินลงโทษผู้บริหาร รพ.หรือผู้เกี่ยวข้อง ก็ได้ใครจะรู้
เมืองจีนกว้างขวาง คนจีนทำอะไรออกมาแต่ละอย่าง บางทีทำให้ประเทศชาติเสียชื่อ เช่น ทำนมผงปลอม ทำไข่ปลอม ทำข้าวสารปลอม เอาเก๋ากี้ที่คนกินแล้วไปตากแห้ง มาบรรจุขายใหม่ การแพทย์ทุเวชกรรมแบบนี้ก็ใช่ย่อย ถ้าส่วนกลางของเขารู้ ก็คงไม่ปล่อยไว้
นอกจากไม่ให้รักษาแบบนี้ต่อไปแล้ว รายที่ทำผ่านมากระทรวงของเราก็น่าจะขอความร่วมมือ หาประวัติของผู้ที่เคยผ่านการฝังแร่ทั้งหมดจาก รพ.แห่งนี้มา เพื่อมาดำเนินการเฝ้าติดตามผู้ป่วยที่แพร่กระจายอยู่ทั่วประเทศไทยเวลานี้ และอาจต้องติดตามไปถึงการเก็บกวาดกากปรมาณูจากผู้เสียชีวิตอีกด้วย .