อาจารย์ มรภ.นครสวรรค์ชงข้อมูลเลขาฯ ป.ป.ช. 4 ข้อคดี‘คณบดี-รองฯ’ลอกงานวิจัย
อาจารย์มรภ.นครสวรรค์ ไม่มั่นใจ ป.ป.ช.จังหวัด ส่งหนังสือถึงเลขาฯ ป.ป.ช.ชงข้อมูลเพิ่ม 4 ข้อกรณีร้องคณบดี-รองฯลอกสารนิพนธ์ ป.โท ม.ภาคกลาง มาตัดแปะเป็นงานวิจัยรับเงินอุดหนุน 4 หมื่น
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 9 เม.ย.58 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ปราณี ตปนียวรวงศ์ อาจารย์ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฎนครสวรรค์ ได้ส่งหนังสือถึง เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ข้อมูลเพิ่ม เติมกรณีการร้องเรียนให้ตรวจสอบพฤติกรรมของ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นิตยา ชนินทยุทธวงศ์ และนางสาวเพชรอำไพ สุขารมณ์ ซึ่งดำรงตำแหน่งคณบดีและรองคณบดี คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยเดียวกันลอกงานวิจัยแล้วขอรับเงินสนับสนุนการทำวิจัยของมหาวิทยาลัย จำนวน 40,000 บาท ระบุว่า
เนื่องจากวันที่ 8 เมษายน 2558 เจ้าหน้าที่ของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) นครสวรรค์ ได้แจ้งให้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ปราณี ตปนียวรวงศ์ เดินทางไปให้ข้อมูล ในฐานะเป็นผู้ร้องเรียนให้ตรวจสอบพฤติกรรมของข้าราชการ ตามหนังสือร้องเรียนก่อนหน้านี้นั้น
จากการที่เจ้าหน้าที่ได้สอบถาม เห็นว่ามีบางประเด็นที่ได้มีการสื่อสารกันและสรุปผลการซักถามแบบย่อๆ อาจทำให้เจ้าหน้าที่สรุปประเด็นเสนอคณะกรรมฯ ไม่ครบถ้วน และอาจส่งผลต่อการสรุปสำนวนที่อาจไม่ตรงประเด็นการร้องเรียน จึงขออนุญาตเสนอข้อมูลเพิ่มเติม ดังนี้
1. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นิตยา ชนินทยุทธวงศ์ เป็นผู้เสนอขอรับทุนสนับสนุนการวิจัยจากสถาบัน วิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ ซึ่งขณะที่เสนอขอรับทุนดังกล่าว ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นิตยา ชนินทยุทธวงศ์ มีสถานะเป็นอาจารย์ผู้สอนและเป็นรองคณบดีคณะวิทยาการจัดการ โดยบทบาทและภาระหน้าที่ของอาจารย์ผู้สอนในมหาวิยาลัยราชภัฏนครสวรรค์นั้น ประกอบด้วย งานสอน งานวิจัย และงานบริการวิชาการแก่สังคม การขอรับทุนในครั้งนี้มีนางสาวเพชรอำไพ สุขารมณ์ เป็นผู้ร่วมวิจัย และในขณะนั้นนางสาวเพชรอำไพ สุขารมณ์ มีสถานะเป็นอาจารย์ผู้สอนในมหาวิยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ เช่นกัน
2. หลังจากโครงการวิจัยที่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นิตยา ชนินทยุทธวงศ์ เสนอขอทุนสนับสนุนการทำวิจัย ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการพิจารณาให้ทุนฯ แล้ว ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นิตยา ชนินทยุทธวงศ์ ได้ลงนามในการทำสัญญารับทุนสนับสนุนดังกล่าวกับทางมหาวิทยาลัยฯ แต่ผู้เดียว โดยมี นางสาวเพชรอำไพ สุขารมณ์ เป็นเพียงผู้ร่วมวิจัย
3. จากข้อมูลเอกสารงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ที่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นิตยา ชนินทยุทธวงศ์ ได้นำ เสนอต่อมหาวิทยาลัยนั้น พบว่า ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นิตยา ชนินทยุทธวงศ์ มิได้ดำเนินการทำวิจัยตามที่ได้ให้คำมั่นไว้ในสัญญารับทุนวิจัยแต่อย่างใด แต่ได้นำผลงานสารนิพนธ์ที่ นางสาวเพชรอำไพ สุขารมณ์ ได้เสนอเพื่อสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท มหาวิทยาลัยภาคกลาง จังหวัดนครสวรรค์ มาเสนอต่อมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ เป็นการกระทำที่ขัดต่อพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ. 2547 หมวด 5 วินัยและการรักษาวินัย ตามมาตรา 39 มาตรา 40 มาตรา 41 และมาตรา 45 และขัดต่อข้อบังคับมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ ว่าด้วยจรรยาบรรณข้าราชการ พ.ศ. 2549 ข้อ 4 (8) “ข้าราชการต้องไม่คัดลอกหรือลอกเลียนผลงานทางวิชาการของผู้อื่นทั้งหมดหรือบางส่วนโดยมิชอบ หรือนำเอาผลงานทางวิชาการของผู้อื่น หรือจ้างวานใช้ผู้อื่นทำผลงานทางวิชาการ ฯ ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง”
4. ปัจจุบัน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นิตยา ชนินทยุทธวงศ์ ดำรงตำแหน่งคณบดีคณะวิทยาการจัดการและ นางสาวเพชรอำไพ สุขารมณ์ ดำรงตำแหน่งรองคณบดี ซึ่งมีสถานะเป็นผู้บริหารของคณะฯ จึงควรต้องประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดี ดังนั้นการกระทำดังกล่าวข้างต้นนั้น เป็นการกระทำที่ผิดจรรยาบรรณนักวิจัย ซึ่งกำหนดให้นักวิจัยต้องซื่อสัตย์และมีคุณธรรมในทางวิชาการและการจัดการ ต้องมีความซื่อสัตย์ต่อตนเอง ไม่นำผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตน ไม่ลอกเลียนงานของผู้อื่น ต้องให้เกียรติและอ้างถึงบุคคลหรือแหล่ง ที่มาของข้อมูลที่นำมาใช้ในงานวิจัย ต้องซื่อตรงต่อการแสวงหาทุนวิจัย และมีความเป็นธรรมเกี่ยวกับผลประโยชน์ที่ได้จากการวิจัย
หนังสือระบุว่าในตอนท้ายว่า ขอความกรุณาให้ป.ป.ช. ได้เร่งดำเนินการตรวจสอบเพื่อให้ทราบข้อเท็จจริง เพื่อให้มีการลงโทษผู้กระทำการผิดตามระเบียบของทางราชการอย่างเร่งด่วน รวมถึงขอความอนุเคราะห์ในการแจ้งผลการตรวจสอบว่ามีความก้าวหน้า ให้ผู้ร้องรับทราบด้วย
อ่านประกอบ:เปิด“สารนิพนธ์-งานวิจัย”สอบคณบดี-รองฯ มรภ.นครสวรรค์ ลอกต้นฉบับ รับ 4 หมื่น