ก.แรงงาน เปิดศูนย์ติดตาม-ลดผลกระทบนโยบาย 300 บ.
รมว.แรงงานสรุปมติอนุค่าจ้างรายจังหวัด-ข้อเสนอเอกชน-มาตรการช่วยเหลือรัฐ สำรวจตำแหน่งงานรองรับผลกระทบเลิกจ้าง เผยคณะอนุกก.ค่าจ้าง 48 จว.ไฟเขียวปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 40 % วันที่ 1 ม.ค. อีก 23 จว.เสนอปรับ 30-35% ด้านปลัดเผยบอร์ดค่าจ้างกลางถก 5 ต.ค.นี้
วันที่ 3 ต.ค.54 นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน(รมว.รง.) เปิดเผยว่ากระทรวงได้จัดตั้ง “ศูนย์อำนวยการยกระดับรายได้ 300 บาท” ขึ้น โดยมี นพ.สมเกียรติ ฉายะศรีวงศ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน(รง.) เป็นประธาน มีหน้าที่เก็บข้อมูล ประเมินผล วิเคราะห์ รายงานความคืบหน้าการดำเนินงานกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำของประเทศ ตั้งแต่ระดับคณะอนุกรรมการกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำจังหวัด จนถึงคณะกรรมกากลางของประเทศ นอกจากนี้ยังให้ความช่วยเหลือสถานประกอบการและแรงงานที่ได้รับผลกระทบ และนำมาตรการการต่างๆที่รัฐบาลกำหนดเป็นนโยบายลงไปดำเนินการในพื้นที่
รมว.แรงงาน กล่าวอีกว่าให้แต่ละหน่วยงานทำงานอย่างบูรณาการ โดยสำนักงานแรงงานจังหวัดเป็นศูนย์อำนวยการรวบรวมข้อมูลในพื้นที่ เพื่อประสานตำแหน่งงานว่างไว้รองรับกรณีว่างงาน สำนักงานสวัสดิการสังคมไปติดตามตรวจเยี่ยมให้คำแนะนำสถานประกอบการ ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานให้คำแนะนำและฝึกทักษะฝีมือเพื่อเพิ่มผลิตภาพแรงงาน และสำนักงานประกันสังคมเตรียมมาตรการให้ความช่วยเหลือ
นายเผดิมชัย กล่าวต่อว่าความคืบหน้าการประชุมคณะอนุกรรมค่าจ้างขั้นต่ำรายจังหวัด 28 ก.ย.ได้ข้อสรุป 77 จังหวัด โดย 48 จังหวัดหรือ 63.15% เห็นด้วยกับนโยบายปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่ม 40% จากปัจจุบันของแต่ละจังหวัดในวันที่ 1 ม.ค.55 และปรับค่าจ้างขั้นต่ำเป็นวันละ 300 บาท อีก 23 จังหวัดมีมติให้ปรับขึ้นไม่ถึง 40% โดยปรับค่าจ้าง 30-35% ส่วน 4 จังหวัดได้แก่ สมุทรปราการ สมุทรสาคร ระยอง สุราษฎร์ธานีไม่ลงมติ ขณะที่ จ.สมุทรสงครามมีมติ 2 แนวทางคือให้ปรับค่าจ้าง 40% แล้วค่อยปรับค่าจ้างเป็น 300 บาทในเวลา 3 ปี อีกแนวทางคือเป็น 300 บาทในเวลา 3 ปี ส่วน จ.บึงกาฬ ยังไม่มีคณะอนุกรรมการฯ
“จังหวัดที่คณะอนุกรรมการฯมีมติให้ขึ้นค่าจ้างสูงสุดคือบุรีรัมย์ 83.7 % คือจาก 166 บาท เป็น 300 บาท รองลงมาคือมุกดาหาร มติให้ขึ้น 81.8% จาก 165 บาทเป็น 300 บาท นอกจากนี้ชัยภูมิ ปราจีนบุรี หนองบัวลำภู และ พัทลุงยังให้ขึ้นมากกว่า 40%" รมว.แรงงาน กล่าว
นายเผดิมชัย กล่าวด้วยว่า ส่วนข้อเสนอแนะของภาคเอกชนต่อนโยบายยกระดับรายได้ 300 บาทมีสรุปคือเสนอให้ลดส่งเงินสมทบประกันสังคม ลดภาษีรายได้นิติบุคล และภาษีบุคคลธรรมดา ให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำแก่สถานประกอบการ ให้รัฐบาลชดเชยส่วนต่างที่ต้องจ่ายเพิ่ม ให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงานเข้าไปฝึกทักษะเพื่อเพิ่มผลิตภาพแรงงาน ให้รัฐบาลควบคุมราคาสินค้า และ ลดค่าครองชีพ
ทั้งนี้มาตรการความช่วยเหลือของรัฐบาลมีดังนี้ กระทรวงการคลังยกเว้นภาษีเงินได้จากการขายเครื่องจักรเก่า กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน(กพร.)จัดฝึกอบรมเพิ่มผลิตภาพแรงงานให้แรงงานใหม่ 6 หมื่นคน แรงงานในสถานประกอบการ 2.4 แสนคน โดยค่าใช้จ่ายนำไปลดหย่อนภาษี พ.ร.บ.ส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2545 ได้ 200 % กระทรวงการคลังสนับสนุนแหล่งเงินทุนและลดภาษีเงินได้นิติบุคคลปี 2555 จากร้อยละ 30 เหลือร้อยละ 23 ซึ่งจากผลสำรวจของคณะอนุกรรมการจังหวัดต่างๆเมื่อปรับเพิ่มค่าจ้าง 40% โดยเฉลี่ยต้นทุนค่าจ้างจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 6 ขณะที่รัฐลดภาษีนิติบุคคลร้อยละ 7 ช่วยลดภาระผู้ประกอบการได้
“จะรวบรวมผลในวันที่ 7 ต.ค. แล้วนำผลที่ได้มาวิเคราะห์นำเสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อ กำหนดมาตรการให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติม และจะเตรียมการปรับเพิ่มค่าจ้างในช่วง 3-4 ปีข้างหน้าเพื่อรองรับการเกิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนปี 58 ด้วย” รมว.แรงงาน กล่าว
ด้าน นพ.สมเกียรติ ฉายะศรีวงศ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่าใน 6 จังหวัด ที่เหลือได้แก่ สมุทรปราการ สมุทรสาคร ระยอง สุราษฎร์ธานี สมุทรสงคราม และบึงกาฬ ได้ให้คณะอนุกรรมการค่าจ้างจังหวัดสรุปเรื่องการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำส่งมายังกระทรวงภายใน 2-3 วันนี้ เพื่อจะนำผลประชุม 77 จังหวัดเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการค่าจ้างกลางวันที่ 5 ต.ค.นี้ .