สตง.ชงแนวทางบริหารจัดการปิโตรเลียม"บิ๊กตู่" ชี้ต้องรอบคอบโปร่งใส
สตง.นำส่งหนังสือถึง "ประยุทธ์" ยื่นข้อเสนอแนะแนวทางบริหารจัดการปิโตรเลียมประเทศทั้งระบบ ย้ำการตัดสินใจเลือกใช้ประโยชน์ของรัฐต้องรอบคอบโปร่งใส เกิดความเป็นธรรมทุกฝ่าย ต้องเปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนรับทราบทุกขั้นตอน
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า จากกรณีกระทรวงพลังงานได้มีการประกาศเชิญชวนให้ผู้ประกอบการยื่นคำขอสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในแปลงสำรวจต่างๆ เขตพื้นที่บนบกและในทะเลอ่าวไทย รอบที่ 23 จำนวน 29 แปลง ซึ่งต่อมาภาคประชาชนและนักวิชาการได้เรียกร้องให้ชะลอการเปิดสัมปทาน โดยต้องการให้แก้กฎหมายปิโตรเลียมและนำระบบแบ่งปันผลผลิต มาใช้ในการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมจนนำมาสู่การยกเลิกประกาศการยื่นคำขอสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียม
ล่าสุด ในช่วงปลายเดือนมี.ค. 58 ที่ผ่านมา สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้ทำหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อเสนอแนวทางการบริหารจัดการปิโตรเลียมของประเทศ ทั้งระบบ
โดย สตง.ระบุว่า เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงด้านความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ และสร้างความน่าเชื่อถือแก่นักลงทุน รวมทั้งเป็นไปตามแนวนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้มีการสำรวจและผลิตก๊าซธรรมชาติและน้ำมันดิบรอบใหม่ทั้งในทะเลและบนบก
จึงมีข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลเพื่อนำไปประกอบการพิจารณาสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้
1.การสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในสถานการณ์ปัจจุบันมีความสำคัญและจำเป็นต้องดำเนินการ ดังนั้น จึงควรเร่งดำเนินการศึกษาแนวทางการปิโตรเลียมให้มีความชัดเจนและปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้มีความเหมาะสม สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน เพื่อให้สามารถเปิดให้มีการสำรวจและผลิตโดยเร็ว
2. เร่งประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับปิโตรเลี่ยมของประเทศและเหตุผลความจำเป็นที่ต้องดำเนินการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมให้เป็นที่ยอมรับของทุกฝาย
3. การตัดสินใจเลือกใช้ระบบบริหารจัดการปิโตรเลียมและการกำหนดประโยชน์ของรัฐต้อง ดำเนินการด้วยความรอบคอบ โปร่งใส เหมาะสมกับศักยภาพของปิโตรเลียมของประเทศ เกิดประโยชน์สูงสุด ต่อประเทศและประชาชน รวมทั้งให้มีการแข่งขันอย่างเสรี และเกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย โดยต้องเปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนรับทราบทุกขั้นตอน
4. ภายหลังจากที่ได้เปิดให้มีการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมแล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเผยแพร่ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับปิโตรเลียมของประเทศให้ประชาชนได้รับทราบอย่างทั่วถึงและต่อเนื่อง เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องและประโยชน์ในการบริหารจัดการ ปิโตรเลียมของรัฐบาลในอนาคต