เราล้อมไว้หมดแล้ว

"..ในอดีตแม่น้ำนครชัยศรีเป็นแม่น้ำที่มีเสน่ห์และดั่งเส้นเลือดหล่อเลี้ยงหลากชีวิตตั้งแต่ต้นยันปลายน้ำ ผ่าน อ.นครชัยศรี ไหลเข้าไปในคลองหลายสายทั่วพื้นที่ทำนา ทำสวนทั้งสองฝั่ง ก่อให้เกิดผลผลิตข้าว เป็นต้นกำเนิดของพันธุ์ข้าวที่ดี ข้าวหอมมะลิ สวนผลไม้ที่มีชื่อเสียง (ส้มโอหวาน ข้าวสารขาว ลูกสาวงาม) ผู้คนมีวิถีชีวิตเรียบง่ายแบบชุมชนริมแม่น้ำ.."

เดินทางมาบ้านญาติริมแม่น้ำนครชัยศรี จ.นครปฐมคราใด เห็นภาพนี้ทุกครั้ง

บ้านหลังหนึ่งปลูกติดกันสองหลัง ริมฝั่งแม่น้ำเยื้องตรงข้าม ถูกโอบล้อมด้วยพื้นที่ของโรงงาน ผลิตน้ำมันพืชชื่อดัง ด้านซ้ายของบ้าน(หากมองจากฝั่งตรงข้าม เป็นด้านขวา)มีตาข่ายกรองแสงสีเขียว (ชาวบ้านเรียกว่า สแลน)สูงเกือบเท่าหลังคาบ้านกั้นไว้แต่ไม่มิด อีกด้านเป็นพื้นที่ของโรงงาน โดยมีตัวโรงงานเป็นฉากทาบทะมึนอยู่ด้านหลัง

ใช่ครับ! สแลนกรองแสง เขากั้นไว้กันฝุ่นละอองที่เกิดจากกระบวนการขนถ่ายวัตถุดิบ(เมล็ดพืช)ที่บรรทุกมาทางเรือแล้วมาจอดเทียบท่าติดพื้นที่ของโรงงานจากนั้นใช้รถแบ็กโฮลตักลำเลียงเข้าสู่โรงงานกลั่นเป็นน้ำมันพืชส่งออกสู่ตลาดเข้าสู่ก้นครัว รถแบ็กโฮลแผดเสียงคำรามก้องสะท้อนพื้นแผ่นน้ำแทบทั้งวันทั้งคืน

ในอดีตแม่น้ำนครชัยศรีเป็นแม่น้ำที่มีเสน่ห์และดั่งเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงหลากชีวิตตั้งแต่ต้นยันปลายน้ำ ผ่านอ.นครชัยศรีไหลเข้าไปในคลองหลายสายทั่วพื้นที่ทำนา ทำสวนทั้งสองฝั่ง ก่อให้เกิดผลผลิตข้าว เป็นต้นกำเนิดของพันธุ์ข้าวที่ดี ข้าวหอมมะลิ สวนผลไม้ที่มีชื่อเสียง (ส้มโอหวาน ข้าวสารขาว ลูกสาวงาม) ผู้คนที่นี่มีวิถีชีวิตเรียบง่ายแบบชุมชนริมแม่น้ำ หลายปีก่อน ตอนมาเรียนโรงเรียนพระปฐมวิทยาลัย อยู่บ้านยายกับลุงป้าริมแม่น้ำ หลังบ้านเป็นร่องสวนติดแม่น้ำ เงียบ สะอาด เป็นที่สุด

พลันเมื่อกลุ่มธุรกิจรุกซื้อที่ดินตั้งโรงงานเพิ่มจากฝั่งหนึ่งไปอีกฝั่งหนึ่ง เสน่ห์จาง บางสิ่งเปลี่ยนไป!

เรือบรรทุกเมล็ดพืชจอดคอยท่ากินพื้นที่เกือบถึงกลางแม่น้ำ กระบวนการขนถ่ายจากเรือขึ้นสู่โรงงานยังทำแบบเปิด ทั่วบริเวณจึงคลุ้งไปด้วยฝุ่นละออง อากาศที่เคยบริสุทธิ์ เปลี่ยนเป็นเลวร้าย หากวันใดมีลมพัดแรงด้วยแล้ว พื้นบ้าน หลังคาบ้านของคนละแวกนั้นจะขาวโพลนชนิดที่เจ้าของมิได้เนรมิต

ไม่ต้องนึก บ้านหลังที่ถูกโอบล้อม จะเป็นอย่างไร?

น้องชายคนหนึ่งเล่าว่า เขาและชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนมานานหลายปี หากวันใดมีฝนตก สภาพอากาศสลัวเหมือนหมอกลง แต่ก่อนไม่เคยเป็นอย่างนี้ (ภาพประกอบ) 

บริษัทนี้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ทุนจดทะเบียน 808 ล้านบาท สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่แถวถนนรัชดาภิเษก (ท่าพระ-ตากสิน) กรรมการ 13 คน

คนหนึ่งเคยมีตำแหน่งเป็นปลัดกระทรวงใหญ่ ปัจจุบันมีตำแหน่งเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)

คนหนึ่งเคยเป็นผู้ช่วยผู้ว่าการแบงก์ชาติ

คนหนึ่งเป็นนักการตลาดและเป็นอาจารย์สถาบันผลิตนักบริหารในมหาวิทยาลัยชื่อดัง

มีกำไรสุทธิหลายปีต่อเนื่องกัน เฉพาะ ปี 2556 รายได้ 25,413 ล้านบาท กำไรสุทธิ 968.3 ล้านบาท สินทรัพย์ 10,434 ล้านบาท กำไรสะสม 3,337.6 ล้านบาท  

ดูเหมือนหลักความพร้อมรับผิดต่อสังคม (Accountability) ถูกท้าทายอย่างสิ้นเชิง

เห็นภาพนี้ทีไร นึกถึงภาพยนตร์ย้อนยุค

ฉากตำรวจไล่ล่าโจร แล้วโจรวิ่งหลบหนีเข้าไปอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง ตำรวจยกกำลังมาถึงแล้วเข้าโอบล้อมบ้านหลังนั้น หัวหน้าตำรวจประกาศว่า “ตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจล้อมไว้หมดแล้ว ให้วางอาวุธแล้วออกมามอบตัว”

แม้มีปัญญาจำกัด แต่เชื่ออย่างบริสุทธิ์ว่า ชาวบ้านที่ดำรงชีวิตริมแม่น้ำมาครั้งบรรพบุรุษและกำลังถูกโอบล้อม

พวกเขามิใช่โจร!

“เรา”ที่อยู่ได้ด้วยคนอื่นและสิ่งอื่น จะอยู่ด้วยกันอย่างนี้จริงๆหรือ