ก.วิทย์ฯ เผยพบยีสต์ ราเกินมาตรฐานในดินสอพองแปรรูป
ดร.พิเชฐเตือนประชาชนงดเล่นดินสอพอง หลังสุ่มตรวจตัวอย่างดินสอพองในท้องตลาดพบบางส่วนยังไม่ได้มาตรฐาน และพบเชื้ออีโคไล
เมื่อเร็วๆ นี้ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ร่วมกับ สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์ (สทน.) สถาบันมาตรวิทยา (มว.) ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)และกองบังคับการตำรวจจราจรกลาง แถลงข่าว “เตรียมพร้อมรับมือเทศกาลสงกรานต์” ณ ณ ห้องโถงชั้น 1 อาคารพระจอมเกล้า กระทรวงวิทย์ฯ
ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า สทน. ได้สำรวจดินสอพองที่วางจำหน่ายในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และนำมาวิจัยในห้องปฏิบัติการตรวจเชื้อของศูนย์ฉายรังสี สทน. พบว่า บางส่วนมีจำนวนแบคทีเรีย ยีสต์ และราเกินมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชนดินสอพองแปรรูป (มผช.) สอดคล้องกับ ผลสำรวจของกรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) หลังสุ่มเก็บตัวอย่างดินสอพอง และแป้งนวลจากร้านค้าขายส่งในกรุงเทพฯ เมื่อนำมาทดสอบมาตรวจสอบความปลอดภัยด้านจุลชีววิทยาและด้านเคมี ซึ่งพบว่า บางส่วนยังไม่ได้มาตรฐานและ พบเชื้อ อีโคไล ซึ่งเป็นดัชนีชี้สุขลักษณะการผลิต แต่ไม่พบการปนเปื้อนโลหะหนัก ปรอท สารหนู และตะกั่ว
ทั้งนี้ สทน. ในฐานะที่ให้บริการฉายรังสีแกมมาเพื่อฆ่าเชื้อโรคในเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ และเครื่องสำอาง จึงได้นำดินสอพองที่ตรวจพบว่าไม่ได้มาตรฐาน ไปฉายรังสีแกมมาที่ปริมาณรังสี 8.90-10.40 กิโลเกรย์ ซึ่งเป็นปริมาณรังสีที่ไม่สูงมาก ฉายประมาณ 1-3 ชั่วโมง พบว่ามีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ที่ดีมากในระดับสเตอริไรซ์เซชั่น รังสีแกมมา โดยสามารถทำลายเชื้อจุลินทรีย์ได้อย่างดี
“ดังนั้นหากต้องการใช้ดินสอพองในการเล่นสงกรานต์ ควรเลือกซื้อดินสอพองสีขาว มีฉลากระบุแหล่งผลิต ที่น่าเชื่อถือ หลีกเลี่ยง ดินสอพองที่มีสีสันฉูดฉาดหรือไม่ทราบแหล่งผลิตแน่นอน เพิ่มความระมัดระวัง ไม่ให้ดินสอพองเข้าตา ปาก หรือจมูก เนื่องจากตัวอย่างดินสอพองและแป้งนวลมีฤทธิ์เป็นด่างซึ่งสามารถทำให้เกิดการ ระคายเคืองต่อผิวหนัง ตา หากได้รับสัมผัส”
ดร.พิเชฐ กล่าวอีกว่า ตัวอย่างแป้งนวลไม่ใช่ดินสอพอง แต่มีองค์ประกอบหลักเป็นแคลเซียมซัลเฟตหรือยิปซั่ม เมื่อหายใจเข้าไปอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อจมูกและหลอดลมได้ พร้อมทั้งฝากเตือนให้ระมัดระวังเรื่องแหล่งน้ำที่ใช้ในการเล่นสงกรานต์ เนื่องจาก วศ. ได้สุ่มเก็บตัวอย่างในแหล่งน้ำที่มีผู้นิยมใช้ในการเล่นสงกรานต์ในเขต จังหวัดภาคเหนือ พบการปนเปื้อนของของเสียและสิ่งขับถ่ายจากคนและสัตว์ จึงมีความเสี่ยงที่จะมีการปนเปื้อนแบคทีเรียที่ก่อโรคติดต่อทางน้ำ หากเชื้อโรคดังกล่าวเข้าสู่ร่างกายอาจทำให้ผู้สัมผัสเจ็บป่วยได้ ดังนั้นจึงควรระมัดระวังในการนำน้ำจากแหล่งดังกล่าวมาเล่นสงกรานต์ โดยเฉพาะในกลุ่มเด็ก
ดร.ณัฐนันท์ ทัดพิทักษ์กุล นักวิจัยจากเนคเทค กล่าวถึงการได้พัฒนาแอพพลิเคชั่น TVIS (Traffic Voice Information System) รายงานข้อมูลสภาพจราจรอัจฉริยะแบบเรียลไทม์ เพื่อช่วยแก้ปัญหาการจราจรติดขัด แอพพลิเคชั่น TVIS จะเป็นตัวช่วยในการรายงานสภาพการจราจรแบบออนไลน์ ซึ่งจะดึงข้อมูลสภาพการจราจรจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ แบบอัตโนมัติ ซึ่งผู้ใช้สามารถค้นหาข้อมูลได้ โดยการพูดชื่อถนนที่ต้องการ พร้อมเปิดให้ประชาชนดาวน์โหลดใช้งานได้ที่ http//:www.tvis.in.th โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
นอกจากนี้ยังได้พัฒนาแอพพลิเคชั่น SafeMate ซึ่งเป็นเครื่องมือในการวัดระดับความปลอดภัยในการขับขี่ เน้นความสะดวกใช้งานและเข้าถึงง่าย โดยใช้เซ็นเซอร์ตรวจวัดที่มีอยู่บนสมาร์ทโฟนซึ่งสามารถประมวลผลเหตุการณ์ในการขับขี่แบบเรียลไทม์ เช่น การเบรก การเร่ง เปลี่ยนเลน และเลี้ยวกะทันหัน สามารถแจ้งเตือนเมื่อมีการขับขี่แบบอันตราย
ด้านพล.ต.ต. อภิสิทธิ์ เมืองเกษม ผู้บังคับบัญชา กองบังคับการตำรวจจราจรกลาง กล่าวว่า ความปลอดภัยของประชาชนที่จะได้รับคือเน้นเรื่องอุบัติเหตุ จากผู้ขับขี่รถแล้วดื่มสุรา ซึ่งจากสถิติการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนเฉลี่ยปีละ 2 หมื่นกว่าคน และเพิ่มขึ้นปีละ 3 พันคน ความสูญเสียนี้ไม่ควรเกิดมากมายขณะนี้ ประเทศไทยติดอันดับต้นๆโลกที่มีผู้เสียชีวิตบนท้องถนนมากที่สุด ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจตราผู้ขับขี่ยานพาหนะให้มีความปลอดภัยมากที่สุด
"เพื่อเพิ่มความมั่นใจ เครื่องมือที่ใช้วัดปริมาณแอลกอฮอล์ได้รับมาตรฐานจริงๆ ทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เป็นผู้ตรวจรับรองค่ามาตรฐาน โดยเครื่องมือดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะส่งเข้ารับการสอบเทียบยังห้องปฏิบัติการที่ได้รับการรับรองความสามารถตาม มาตรฐาน ISO/IEC 17025:2005 ทุก 6 เดือน หรือปีละ 2 ครั้ง เพื่อให้มั่นใจในระบบคุณภาพของการสอบเทียบ และสามารถนำผลการวัดไปใช้ในการดำเนินคดีกับผู้ขับขี่ที่เมาสุราได้อย่างมั่นใจ"