"ชาญชัย"ลงนามคำสั่งพักงาน"หัสวุฒิ"ทางการ-ก.ศป.ค้านชื่อ "ธีรยุทธ์" กก.สอบ
สำนักงานศาลปกครอง ออกเอกสารข่าว "ชาญชัย" ลงนามคำสั่งพักงาน "หัสวุฒิ" เป็นทางการ เผยมติเสียงข้างมาก ระบุชัดหากปล่อยให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป เป็นการเสียหายแก่ราชการ ประชาชนเสื่อมความเชื่อถือศรัทธา ภาพลักษณ์ศาลปกครอง ใช้สิทธิ์โต้แย้งได้ภายใน 90 วัน ด้าน ก.ศป.ทำหนังสือแจ้ง ก.พ.ขอเปลี่ยนตัวกก.สอบสวนใหม่ หลังปรากฎชื่อ "ธีรยุทธ์ หล่อเลิศ" ที่ปรึกษาสำนักงานศาลฯ โผล่แจม
แหล่งข่าวจากสำนักงานศาลปกครอง เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ว่า ภายหลังจากที่ประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง (ก.ศป.) เมื่อวันที่ 30 มี.ค.58 ที่ผ่านมา ได้มีมติ 8 ต่อ 3 เสียง ให้สั่งพักราชการ นายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ประธานศาลปกครองสูงสุด จากกรณีนายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม เลขาธิการ สำนักงานศาลปกครอง ได้ทำบันทึกส่วนตัวหรือ “จดหมายน้อย” ถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และรอง ผบ.ตร. ขอให้สนับสนุนนายตำรวจยศ พ.ต.ท. รายหนึ่ง ให้เลื่อนเป็นยศ พ.ต.อ. โดยอ้างว่าเป็นความต้องการของประธานศาลปกครองสูงสุด
เบื้องต้น ก.ศป.ได้มีมติแต่งตั้งบุคคลที่จะเข้ามาทำหน้าที่เป็นกรรมการสอบสวนนายหัสวุฒิแล้ว ตามระเบียบ ก.ศป.ว่าด้วยวิธีการสอบสวนและสิทธิของตุลาการศาลปกครองซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีเหตุให้ต้องพ้นจากตำแหน่ง พ.ศ.2544 ข้อ 6 ( 4) จำนวน 5 คน ประกอบไปด้วย ตุลาการศาลปกครองสูงสุดซึ่งมีตำแหน่งไม่ต่ำกว่ากว่าหัวหน้าคณะ เป็นประธานกรรมการ ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุดที่ จำนวน 3 คน และกรรมการข้าราชการพลเรือนตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือนซึ่งได้รับแต่งตั้งจาก คณะกรรมการพลเรือน 1 คน เป็นกรรมการ
สำหรับผู้ที่จะทำหน้าที่กรรมการสอบสวนในส่วนของศาลปกครอง 4 คน ได้แก่ นายชาญชัย แสวงศักดิ์ นายวรพจน์ วิศรุตพิชญ์ นายไพบูลย์ เสียงก้อง นายวิษณุ วรัญญู
โดยนายชาญชัญทำหน้าที่เป็นประธานกรรมการสอบสวน
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของคณะกรรมการพลเรือน ได้ส่งชื่อนายธีรยุทธ์ หล่อเลิศรัตน์ มาเป็นตัวแทน แต่ทาง ก.ศป.ได้มีการตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการแต่งตั้งนายธีรยุทธ์ ในการเข้ามาทำหน้าที่เป็นกรรมการสอบสวนครั้งนี้ เนื่องจากมีข้อเท็จจริงปรากฎว่า แม้นายธีรยุทธ์ จะมีตำแหน่งเป็นคณะกรรมการพลเรือน แต่เคยดำรงตำแหน่งรองประธานศาลปกครอง และเมื่อเกษียณอายุจากตำแหน่งรองประธานศาลปกครอง ก็ได้รับการแต่งตั้งโดยนายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม เลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง โดยความเห็นชอบของประธานศาลปกครองสูงสุด ให้เข้ามาทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาสำนักงานศาลปกครอง ได้รับเงินเดือน 6 หมื่นบาท มีกำหนดระยะการทำงานแบบปีต่อปี จึงอาจจะไม่เหมาะสม เพราะถือว่ามีส่วนได้เสีย
ขณะที่เจตนารมย์ของกฎหมายในการแต่งตั้งกรรมการในส่วนคณะกรรมการพลเรือน ก็เพื่อต้องการหากรรมการคนนอกเข้ามาถ่วงดุลการทำงาน ทาง ก.ศป.จึงได้ทำหนังสือแจ้งไปยังก.พ.เพื่อขอเปลี่ยนตัวกรรมการจากนายธีรยุทธ์ เป็นบุคคลอื่น
ล่าสุดในช่วงบ่ายวันที่ 31 มี.ค. 58 สำนักงานศาลปกครอง ได้เผยแพร่เอกสารข่าว กรณีคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง (ก.ศป.) มีคำสั่งที่ 8/2558 ลงวันที่ 30 มีนาคม 2558 เรื่อง ให้พักราชการนายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ประธานศาลปกครองสูงสุด อย่างเป็นทางการ
โดยระบุเนื้อหาว่า
นายชาญชัย แสวงศักดิ์ รองประธานศาลปกครองสูงสุดคนที่สอง ปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการตุลาการศาลปกครอง ได้ลงนามในคำสั่ง ก.ศป. ที่ ๘/๒๕๕๘ ลงวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๘ ซึ่งมีเนื้อความดังนี้
ตามที่ ก.ศป. ในการประชุมครั้งที่ ๑๗๐-๕/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ได้พิจารณากรณีที่ตุลาการศาลปกครองได้เข้าชื่อกันเพื่อให้ ก.ศป.ดำเนินการสอบข้อเท็จจริงกรณีที่ปรากฏข่าวทางสื่อมวลชนว่า นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม เลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง ได้จัดทำหนังสือจำนวน ๒ ฉบับ ถึงรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตามลำดับ โดยอ้างว่า นายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ประธานศาลปกครองสูงสุด มีความประสงค์ที่จะสนับสนุน พ.ต.ท.ชูธเรศ ยิ่งยงดำรงกุล รอง ผกก.ป.สน.หัวหมาก ซึ่งเป็นเพื่อนกับหลานชายให้ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้กำกับการแล้ว เห็นว่า หากเป็นความจริงดังที่นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม เลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง ได้กล่าวอ้างไว้ในหนังสือทั้งสองฉบับดังกล่าว
กรณีอาจเข้าข่ายตามที่กำหนดในข้อ ๓(๑) แห่งระเบียบ ก.ศป.ว่าด้วยวิธีการสอบสวนและสิทธิของตุลาการศาลปกครองซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีเหตุให้ต้องพ้นจากตำแหน่ง พ.ศ. ๒๕๔๔ สมควรสอบข้อเท็จจริงในเบื้องต้นว่า มีมูลความจริงดังที่นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม เลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง ได้กล่าวอ้างไว้ในหนังสือทั้งสองฉบับดังกล่าวหรือไม่
จึงมีมติให้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าว ประกอบด้วย นายนพดล เฮงเจริญ ตุลาการศาลปกครองสูงสุด เป็นประธานกรรมการ นายวรวิทย์ กังศศิเทียม ตุลาการศาลปกครองสูงสุด และนายวราวุธ ศิริยุทธ์วัฒนา ตุลาการศาลปกครองสูงสุด เป็นกรรมการ
ซึ่งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว ได้รายงานผลการสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวต่อ ก.ศป. ในการประชุมครั้งที่ ๑๘๑-๒/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๕๘ ซึ่ง ก.ศป. ได้มีมติรับทราบ และมอบหมายให้สำนักงานศาลปกครอง ในฐานะฝ่ายเลขานุการ ก.ศป. ขอข้อมูลเพิ่มเติม หลังจากนั้น ก.ศป. ในการประชุมครั้งที่ ๑๘๒-๓/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ได้พิจารณารายงานผลการสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง และข้อมูลเพิ่มเติมที่สำนักงานศาลปกครองได้นำเสนอต่อ ก.ศป.แล้ว ก.ศป.เสียงข้างมากเห็นพ้องด้วยกับความเห็นของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงฝ่ายข้างมาก
โดยเห็นว่าเป็นกรณีมีมูลที่อาจเข้าข่ายตามที่กำหนดไว้ในข้อ ๓(๑) แห่งระเบียบ ก.ศป.ว่าด้วยวิธีการสอบสวนและสิทธิของตุลาการศาลปกครองซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีเหตุให้ต้องพ้นจากตำแหน่ง พ.ศ. ๒๕๔๔ และถึงขั้นที่จะให้ตุลาการศาลปกครองผู้นั้นพ้นจากตำแหน่ง จึงมีมติให้ดำเนินการตามมาตรา ๒๔ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ข้อ ๕ วรรคสอง และข้อ ๖ วรรคหนึ่ง (๔) แห่งระเบียบ ก.ศป.ว่าด้วยวิธีการสอบสวนและสิทธิของตุลาการศาลปกครองซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีเหตุให้ต้องพ้นจากตำแหน่ง พ.ศ. ๒๕๔๔ และได้มีคำสั่ง ก.ศป. ลับ ที่ ๙/๒๕๕๘ ลงวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๘ แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนแล้ว
ต่อมา ก.ศป. ในการประชุมครั้งที่ ๑๘๔-๕/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๘ เสียงข้างมากเห็นว่า ปรากฏพยานหลักฐานเป็นที่ชัดแจ้งว่า ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งประธานศาลปกครองสูงสุด ซึ่งมีอำนาจหน้าที่บริหารงานของศาลปกครองและพิจารณาพิพากษาอรรถคดี การให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ย่อมเป็นการไม่เหมาะสม ทำให้ประชาชนเสื่อมความเชื่อถือและศรัทธา รวมทั้งเกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของศาลปกครองซึ่งเป็นองค์กรตุลาการ การให้นายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ประธานศาลปกครองสูงสุด ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจึงเป็นการเสียหายแก่ราชการ
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๔ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ก.ศป. จึงมีมติให้พักราชการนายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ประธานศาลปกครองสูงสุด ตุลาการศาลปกครองผู้ถูกกล่าวหา ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่า ก.ศป.
จะพิจารณากรณีที่นายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ถูกกล่าวหาแล้วเสร็จ
หากนายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ประสงค์จะฟ้องโต้แย้งคำสั่งนี้ ให้ทำคำฟ้องเป็นหนังสือยื่นต่อศาลปกครองกลาง หรือส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนไปยังศาลปกครองกลาง ภายใน ๙๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งนี้
อนึ่ง ก.ศป. มีมติให้ นายปิยะ ปะตังทา รองประธานศาลปกครองสูงสุดคนที่หนึ่ง ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานศาลปกครองสูงสุด ในระหว่างที่นายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ประธานศาลปกครองสูงสุด ถูกสั่งพักราชการ
จึงเรียนสื่อมวลชนเพื่อโปรดทราบ
สำนักงานศาลปกครอง
วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘
อ่านประกอบ :