กปปส.เฮ! กฤษฎีกาไฟเขียว“ครม.บิ๊กตู่”จ่ายเงินเยียวยาได้ถ้าเร่งปรองดอง
ม็อบ กปปส. เฮ! กฤษฎีกาไฟเขียวให้ “ครม.ประยุทธ์” จ่ายเงินเยียวยา ขีดเส้นตาม พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ-ระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ ชี้เคยเบิกจ่ายฉุกเฉินเยียวยาการเมืองหลายครั้งแล้ว ยันหากจำเป็นเร่งด่วนสร้างความสมาฉันท์สามารถทำได้
จากกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งการให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีสอบถามความเห็นจากคณะกรรมการกฤษฎีกาถึงแนวทางการดำเนินการชดเชยเยียวยาตัวเงินตามหลักมนุษยธรรมให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองในช่วงปี 2556-2557 นั้น
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 2) มีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานฯ ได้พิจารณาข้อหารือของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยมีผู้แทนสำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และสำนักงบประมาณ) และผู้แทนจากสำนักงาน ป.ป.ช. เป็นผู้ชี้แจงข้อเท็จจริงแล้ว
เห็นว่า โดยที่มาตรา 19 วรรคหนึ่ง ของรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) ปี 2557 บัญญัติให้คณะรัฐมนตรีมีหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน ดำเนินการให้มีการปฏิรูปในด้านต่าง ๆ และส่งเสริมความสามัคคีและความสมานฉันท์ของประชาชนในชาติ ซึ่งในการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีตาม พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2558 มาตรา 4 (6) ได้กำหนดงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นไว้ โดยเป็นรายจ่ายที่ตั้งสำรองไว้เพื่อประโยชน์ในการบริหารราชการแผ่นดินของคณะรัฐมนตรี ที่จะสามารถจัดสรรงบดังกล่าวไปใช้จ่ายเพื่อประโยชน์สาธารณะตามนโยบายของรัฐบาล รวมถึงการแก้ไขปัญหาหรือสถานการณ์ต่าง ๆ ของประเทศในกรณีจำเป็นหรือกรณีฉุกเฉิน
โดยในการขออนุมัติใช้งบกลางนั้น มาตรา 19 แห่ง พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ.2502 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2543 บัญญัติให้ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณมีอำนาจจัดสรรให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายโดยตรงหรือเบิกจ่ายในรายการต่าง ๆ ของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ ได้ตามความจำเป็น โดยให้ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามข้อ 30 แห่งระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ.2548 ซึ่งออกตามความในมาตรา 19 และมาตรา 20 แห่ง พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ.2502
รวมทั้งต้องดำเนินการตามแนวทางปฏิบัติของสำนักงานกรณีการขออนุมัติใช้เงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉิน หรือจำเป็นที่รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 16 ก.ย. 2557 ที่กำหนดให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐเสนอเรื่องต่อรัฐมนตรีเจ้าสังกัดพิจารณาให้ความเห็นชอบแล้ว จึงเสนอนายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติหลักการ หรือให้ความเห็นชอบแล้วแต่กรณีต่อไป
โดยกรณีมีวงเงินไม่เกิน 100 ล้านบาท ให้นำเสนอนายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติ หากวงเงินเกินกว่า 100 ล้านบาท ให้เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติ และเมื่อคณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการแล้ว การเบิกจ่ายและการจ่ายเงินจากจากคลังตามมติคณะรัฐมนตรีที่อนุญาตให้จ่ายได้ย่อมสามารถทำได้ตามข้อ 16 วรรคหนึ่ง และข้อ 31 แห่งระเบียบการเบิกจ่ายเงินจากคลังการเก็บรักษาเงินและการนำเงินส่งคลัง พ.ศ.2551 ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 21 (2) แห่ง พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ.2502
โดยในทางปฏิบัติที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติให้ใช้งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อให้ความช่วยเหลือเยียวยาทางการเงินในหลายกรณี เช่น การแก้ไขปัญหาภัยพิบัติ การแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตร การช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้
รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือเยียวยาทางการเงินจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง ซึ่งได้มีการดำเนินการมาแล้วหลายครั้ง เช่น เหตุการณ์เดือน พ.ค. 2535 เหตุการณ์ความไม่สงบเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2551 เหตุการณ์ความไม่สงบเมื่อวันที่ 8-14 เม.ย. 2552 และเหตุการณ์ที่เกี่ยวเนื่อง และการให้ความช่วยเหลือเยียวยาด้านการเงินสำหรับผู้เสียหายตั้งแต่เหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่ม พธม. ประมาณปลายปี 2548 จนถึงเหตุการณ์ความรุนแรงเมื่อเดือน เม.ย.-พ.ค. 2553 รวมทั้งเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมืองในช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค. 2556
ดังนั้นหากคณะรัฐมนตรีพิจารณาในทางรัฐประศาสโนบายแล้ว เห็นว่า การชดเชยเยียวยาตัวเงินตามหลักมนุษยธรรมให้แก่บุคคลทุกฝ่ายที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง 2556-2557 เป็นกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องรีบดำเนินการตามนโยบายและหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีที่ต้องส่งเสริมความสามัคคีและความสมานฉันท์ของประชาชนในชาติและจำเป็นต้องใช้งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
จึงเป็นเรื่องในทางนโยบายที่อยู่ในอำนาจของคณะรัฐมนตรีที่จะพิจารณาให้ความเห็นชอบได้ หากการใช้จ่ายงบประมาณดังกล่าวเป็นการดำเนินการเพื่อช่วยเหลือเยียวยาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนเป็นการทั่วไปโดยเสมอภาคและเป็นธรรม โดยมิได้มุ่งหมายที่จะให้ประโยชน์แก่กลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นการเฉพาะ ทั้งนี้ตาม พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ.2502 ระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ.2548 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 ก.ย. 2557 ที่กำหนดแนวทางปฏิบัติกรณีการขออนุมัติใช้เงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
สำหรับแนวทางการดำเนินการชดเชยเยียวยาตัวเงินตามหลักมนุษยธรรมให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ในช่วงปี 2556-2557 จะดำเนินการจ่ายในอัตรา หลักเกณฑ์ และวิธีการอย่างไรนั้น เป็นเรื่องที่คณะรัฐมนตรีจะพิจารณากำหนดได้ตามความเหมาะสม โดยคำนึงถึงความเป็นธรรมตลอดจนความพร้อมด้านงบประมาณของรัฐ ซึ่งอาจนำผลการศึกษาของคณะกรรมการศึกษาหลักเกณฑ์และเสนอแนวทางการเยียวยาด้านการเงินตามหลักมนุษยธรรมแก่ผู้ได้รับผลกระทบจาเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองในปี 2556-2557 ทีได้แต่งตั้งไว้แล้ว มาประกอบการพิจารณากำหนดแนวทางดังกล่าวต่อไปได้