ศาลอุทธรณ์ตัดสินศักดิ์ชัย กาย แพ้คดีปลอมพินัยกรรม ยื่นฎีกาแล้ว
คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ “ศักดิ์ชัย กาย”บก.นิตยสาร แพ้คดีปลอมพินัยกรรมตระกูลดัง ที่ดิน 3 ไร่ย่านยานาวา คอนโดฯ อ.บางละมุง กว่า 300 ล้าน ศาลสั่งโมฆะ ชี้พิรุธหลายปม ลายเซ็นไม่ชัด จำเลยไม่นำสืบข้อเท็จจริง หลังชั้นต้นชนะคดี
กรณีเมื่อวันที่ 12 พ.ค. 2557 พล.ต.ต.เพ็ชร์ ณ ป้อมเพ็ชร์ โดย น.ส.นพมาศ ณ ป้อมเพ็ชร์ ฐานะผู้อนุบาลเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายศักดิ์ชัย กาย เป็นจำเลย ต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง (คดีหมายเลขดำที่ 01201/2557) กล่าวหานายศักดิ์ชัยปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม โดยกรอกรายการในใบถอนเงินของธนาคารและเช็ค ที่มีลายมือชื่อของโจทก์ (พล.ต.ต.เพ็ชร์)ซึ่งเป็นเจ้าของบัญชี และนำไปเบิกหรือถอนเงินจากธนาคารนำไปเป็นประโยชน์ส่วนตนและบุคคลที่สามโดยทุจริตหลายครั้งหลายหนต่อเนื่องกันจนกระทั่งถึงปี 2551 รวมเป็นเงิน 158,330,000 บาท ศาลนัดครั้งต่อไป 23 มิ.ย.58
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า ก่อนหน้านี้ นายศักดิ์ชัย กาย ถูก นายธีรวัต ณ ป้อมเพชร บุตรชาย นายวิวรรธน์ ณ ป้อมเพชร เป็นโจทก์ฟ้องกรณีทำพินัยกรรมปลอมของนายวิวรรธน์ ณ ป้อมเพชร์ ผู้เป็นบิดา กรณี พินัยกรรมฉบับวันที่ 21 .ค.48 ที่ระบุว่า นายวิวรรธน์ยก ที่ดิน 3 ไร่ ย่านยานนาวา กทม.พร้อมอาคารและสิ่งปลูกสร้าง รวมทั้งห้องชุดเลขที่ 3 จี คอนโดมิเนียมการ์เด้น คลิฟ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท ให้แก่จำเลย ศาลชั้นต้นตัดสินเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.54 ให้นายศักดิ์ชัยชนะคดี ต่อมาโจทก์อุทธรณ์ และศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่าพินัยฉบับดังกล่าวเป็นโมฆะ
ทั้งนี้ เมื่อ วันที่ 1 ก.ค.56 ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า พินัยกรรมของนายวิวรรธน์ ณ ป้อมเพชร ฉบับลงวันที่ 21 ธันวาคม 2548 เป็นโมฆะ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ระบุว่า
“ผลการตรวจพิสูจน์ของกองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์กระทรวงยุติธรรม ที่ไม่อาจลงความเห็นยืนยันได้ว่าลายมือชื่อผู้ทำพินัยกรรม แตกต่างจากตัวอย่างลายมือชื่อที่ผู้ทำพินัยกรรมได้ลงลายมือชื่อไว้ในเอกสารต่างๆ ก่อนมีการทำพินัยกรรมตามเช็ค สำเนาภาพถ่ายบัตรประชาชน และสำเนาภาพถ่ายรายการเกี่ยวกับบ้าน ซึ่งเป็นเอกสารที่ใช้ประกอบในการทำพินัยกรรม
พฤติการณ์เกี่ยวกับการทำพินัยกรรมมีพิรุธหลายประการ ทั้งวันทำพินัยกรรมที่นายวิวรรธน์ผู้ทำพินัยกรรมได้ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท ตลอดแทบทั้งวัน และแพทย์ตรวจพบว่ามีระดับออกซิเจนในโลหิตอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติ และได้แนะนำให้นายวิวรรธน์ใช้ออกซิเจนช่วยในการหายใจตลอดเวลา
การจัดทำพินัยกรรมให้แก่ลูกความขอสำนักกฎหมายธรรมนิติที่โดยปกติจะจัดให้มีการบันทึกวิดิทัศน์และถ่ายภาพไว้ ซึ่งกรณีของการทำพินัยกรรมพิพาทที่นายวิสูตร กาญจนปัญญาพงศ์ พยานจำเลย ผู้จัดทำพินัยกรรมให้แก่นายวิวรรธน์ได้เบิกความว่า เนื้อหาของพินัยกรรมมีการยกทรัพย์สินส่วนในในพินัยกรรมให้กับบุคคลภายนอกซึ่งไม่ใช่ทายาท พยานเกรงว่าอาจจะเกิดปัญหาฟ้องร้องกันในภายหลังได้ แต่นายวิสูตรซึ่งเป็นถึงกรรมการรองผู้จัดการสำนักกฎหมายดังกล่าวกลับมิได้จัดให้มีการบันทึกวิดิทัศน์และถ่ายภาพไว้ ส่วนที่อ้างว่าเป็นเวลาหลังเลิกงานนั้นก็มีพิรุธเนื่องจากได้มีการนัดหมายเพื่อทำพินัยกรรมไว้ล่วงหน้าแล้วดังที่ได้วินิจฉัยข้างต้น
รวมทั้งการที่จำเลยไม่นำสืบข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับเนื้อหาของพินัยกรรม และผู้รับพินัยกรรมซึ่งรวมถึงจำเลย ทั้งเบิกความว่าไม่แน่ใจว่าการลงลายมือชื่อในสำเนาภาพถ่ายบัตรประจำตัวประชาชน และสำเนาภาพถ่ายรายการเกี่ยวกับบ้าน จะเป็นการลงลายมือชื่อในคราวเดียวกับที่ทำพินัยกรรมหรือไม่
ข้อเท็จจริงจึงยังฟังไม่ได้ว่าลายมือชื่อผู้ทำพินัยกรรม เป็นของเจ้ามรดก ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยมานั้นศาลอุทธรณ์ไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ข้อนี้ของโจทก์ฟังขึ้น พิพากษากลับเป็นว่า พินัยกรรมของนายวิวรรธน์ ณ ป้อมเพชร ฉบับลงวันที่ 21 ธันวาคม 2548 เป็นโมฆะ”
อย่างไรก็ตาม ศักดิ์ชัย กาย ได้ยื่นฎีกาและคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา
อ่านประกอบ:ทายาทตระกูลดังเปิดศึกฟ้อง“ศักดิ์ชัย กาย” ปลอมเอกสารเบิกเงินพ่อสูญ 158 ล้าน
หมายเหตุ : ภาพประกอบจาก ไทยรัฐ