นักวิจัยหนุนพัฒนาสารสนเทศ เพิ่มขีดความสามารถจัดการน้ำพื้นที่
เวทีสาธารณะนโยบายน้ำ หนุนจัดการน้ำระดับจังหวัด-ชุมชน เชื่อมโยงโครงข่ายจากพื้นที่สู่นโยบาย เตรียมส่งข้อเสนอแนะให้กรรมการปฏิรูป จัดการทรัพยากรน้ำชาติทั้งระบบ
เร็ว ๆ นี้ ที่โรงแรม เซ็นจูรี่ พาร์ค สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) จัดเวทีสาธารณะนโยบายน้ำ สกว. ครั้งที่ 6 เรื่อง ‘การบริหารจัดการน้ำระดับจังหวัดและชุมชน บทเรียนจากงานวิจัยสู่งานปฏิรูป’ เนื่องในสัปดาห์อนุรักษ์ทรัพยากรน้ำแห่งชาติและวันน้ำโลก
นายปราโมทย์ ไม้กลัด ประธานอนุกรรมาธิการปฏิรูปการจัดการทรัพยากรน้ำ ในคณะกรรมาธิการปฏิรูปทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวถึงการปฏิรูปกับกลไกการจัดการน้ำระดับประเทศและระดับจังหวัดว่า มีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ปัญหาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศทั้งระบบ เนื่องจากระบบการบริหารจัดการในปัจจุบันขับเคลื่อนแบบเบ็ดเสร็จ คิดเองทำเองทุกอย่างโดยขาดการประสานงานที่เป็นเอกภาพ จึงไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้ โดยกรอบการทำงานของคณะอนุกรรมาธิการฯ ประกอบด้วย วิเคราะห์ปัญหา จัดลำดับความสำคัญประเด็นปฏิรูป ดำเนินการตามลำดับความสำคัญ รับฟังความคิดเห็นประชาชน และสรุปผลเพื่อนำเสนอ สปช.
สำหรับลำดับความสำคัญของปัญหาที่จะต้องปฏิรูป ประธานอนุกรรมาธิการฯ ระบุคือ ผลักดันกฎหมายแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กร สร้างกลไกการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน วิเคราะห์กฎระเบียบที่จำเป็นที่มีอยู่แล้วและที่จะต้องมีเพิ่ม จัดทำกรอบยุทธศาสตร์การบริหารจัดการน้ำและแผนงานของหน่วยงาน และกรอบการแก้ปัญหาเชิงเทคนิคในเชิงพื้นที่ลุ่มน้ำ รวมถึงการจัดการข้อมูลข่าวสารและการเข้าถึงของประชาชน
“การปฏิรูปครั้งนี้เป็นการยกเครื่องการบริหารจัดการน้ำให้มีองค์กรกำหนดแผนแม่บทชาติและแผนลุ่มน้ำ โดยมีกระบวนการรับฟังและมีส่วนร่วมในทุกขั้นตอนตั้งแต่เริ่มต้น เพิ่มเติมส่วนขาดและตัดทอนส่วนเกิน รวมทั้งจัดตั้งกองทุนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแก่ลุ่มน้ำต่างๆ” นายปราโมทย์ กล่าว
ด้าน รศ. ดร.สุจริต คูณธนกุลวงศ์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะนักวิจัย สกว. กล่าวในการบรรยาย ‘งานวิจัยและผลงานวิจัยที่ผ่านมาสู่ประเด็นในการปฏิรูป’ ว่า ได้ศึกษาวิจัยเพื่อใช้ประโยชน์ในการพัฒนาองค์ความรู้ด้านอุปสงค์และอุปทาน เพื่อศึกษาสภาพการณ์ของพื้นที่ และการปรับตัวโดยร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ รวมถึงพัฒนาระบบฐานข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่งเสริมศักยภาพให้องค์กรปกครองส่วนตำบลสร้างข้อมูลสารสนเทศภูมิศาสตร์ขึ้น โดยใช้เครื่องมือสารสนเทศภูมิศาสตร์ พัฒนางานประสานงาน และถ่ายทอดเพื่อใช้ประโยชน์ของข้อมูลและงานวิจัยในการตอบโจทย์การจัดการทรัพยากรน้ำที่ตัวทรัพยากรเอง และการบริหารจัดการ
ทั้งนี้ ได้หารือกับหน่วยงานระดับพื้นที่ให้เข้าใจลักษณะเฉพาะของพื้นที่ เช่น จ.น่าน นครปฐม สมุทรสงคราม นครศรีธรรมราช เป็นต้น และวางแผนบริหารจัดการให้เหมาะสมในแต่ละพื้นที่ โดยทำงานร่วมกับเครือข่ายนักวิจัยท้องถิ่นของ สกว.ที่มีอยู่แล้วและเชื่อมโยงกับการทำงานในระดับต่างๆ ตั้งแต่ตำบลถึงจังหวัด
นักวิจัย สกว. กล่าวต่อว่า นอกจากนี้จะจัดตั้งศูนย์ประสานงานสนับสนุนเทคนิควิชาการและสร้างเครือข่ายแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างหน่วยงานนโยบายกับหน่วยงานปฏิบัติองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และสถาบันการศึกษา เพิ่มขีดความสามารถของระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการทรัพยากรน้ำเชิงพื้นที่ และพัฒนาชุดเครื่องมือและโปรแกรมประยุกต์ให้สามารถรองรับการแสดงผลผ่านอุปกรณ์พกพา อีกทั้งสังเคราะห์องค์ความรู้และกระบวนการจัดการน้ำในชุมชน ท้องถิ่น ลุ่มน้ำ เชื่อมโยงกับการวางแผนพัฒนาจังหวัด และเสนอเชิงระบบและเชิงปฏิบัติของการวางแผนระดับจังหวัดให้กับหน่วยงานนโยบาย จังหวัด และ อปท.
“เราจะทำคู่มือจัดทำแผนที่จังหวัดและชุมชน ใช้ระบบสารสนเทศ การจัดการแหล่งน้ำขนาดเล็ก และการจัดการระบบประปาหมู่บ้าน ขณะเดียวกันก็พัฒนาข้อต่อเพื่อจัดทำชุดโครงการพัฒนาระบบน้ำระดับ อบต. สิ่งสำคัญคือเราต้องเตรียมความพร้อมของชุมชนซึ่งต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 ปี ให้เกิดเวทีของการพูดคุยและเรียนรู้ของพื้นที่ที่นำไปสู่ระดับจังหวัดต่อไป”
รศ. ดร.สุจริต กล่าวด้วยว่า สุดท้ายจะต้องมีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้เกิดกลไกเชื่อมโยงที่สามารถทำงานข้ามเครือข่ายและใช้งบประมาณได้ ทั้งนี้ประเทศไทยยังมีโจทย์อีกมากทั้งการขยายการเติบโตของชุมชนในต่างจังหวัดและการเข้าประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่จะมีผลกระทบต่อชุมชน และต้องนำมาคิดประกอบการวางแผนจัดการทรัพยากรน้ำ .