ทายาทตระกูลดังเปิดศึกฟ้อง“ศักดิ์ชัย กาย” ปลอมเอกสารเบิกเงินพ่อสูญ 158 ล้าน
ทายาทตระกูล ณ ป้อมเพ็ชร์ เปิดศึกอีกคดีฟ้อง“ศักด์ชัย กาย”บก.นิตยสารชื่อดัง ปลอมแปลงเอกสารเบิกเงินแบงก์บัญชีส่วนตัว พล.ต.ต.เพ็ชร์ บิดา หลายครั้งสูญเงินกว่า 158.3 ล้าน บรรยายคำฟ้องละเอียดยิบโอนเช็คเข้าบัญชีส่วนตัว ศาลนัด 23 มิ.ย.58
สำนักข่าวอิศรา www.isranew.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 12 พ.ค. 2557 พล.ต.ต.เพ็ชร์ ณ ป้อมเพ็ชร์ โดย น.ส.นพมาศ ณ ป้อมเพ็ชร์ ฐานะผู้อนุบาลเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายศักดิ์ชัย กาย เป็นจำเลย ต่อศาลอาญา (คดีหมายเลขดำที่ 01201/2557) กล่าวหานายศักดิ์ชัยปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม โดยกรอกรายการในใบถอนเงินของธนาคารและเช็ค ที่มีลายมือชื่อของโจทก์ (พล.ต.ต.เพ็ชร์)ซึ่งเป็นเจ้าของบัญชี และนำไปเบิกหรือถอนเงินจากธนาคารนำไปเป็นประโยชน์ส่วนตนและบุคคลที่สามโดยทุจริตหลายครั้งหลายหนต่อเนื่องกันจนกระทั่งถึงปี 2551 รวมเป็นเงิน 158,330,000 บาท
คำฟ้องระบุว่า
ข้อ 1 โจทก์เป็นบุคคลไร้ความสามารถ โดยมีบุตรสาวคือนางสาวนพมาศ ณ ป้อมเพ็ชร์ เป็นผู้อนุบาล รายละเอียดปรากฎตาม สำเนาคำสั่งศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 1
ประมาณปี 2537 โจทก์ได้รับเงินจากการเป็นหุ้นส่วนขายที่ดิน ให้แก่บุคคลผู้มีชื่อเป็นจำนวนเงิน ประมาณ 200 ล้านบาท ซึ่งโจทก์ได้นำเงินจำนวนดังกล่าวไปฝากไว้กับสถาบันการเงินหลายแห่ง
ต่อมา เมื่อประมาณ ปี พ.ศ.2541 จำเลยได้เข้ามารับอาสาดูแลความเป็นอยู่ของโจทก์ โดยการแนะนำของนายวิวรรธน์ ณ ป้อมเพ็ชร์ ซึ่งเป็นพี่ชายบิดามารดาเดียวกันกับโจทก์ ซึ่งในขณะนั้น จำเลยก็เป็นผู้ดูแลนายวิวรรธน์ ณ ป้อมเพ็ชร์ อยู่ด้วย
ในขณะที่จำเลยเข้ามาทำความรู้จักกับโจทก์ โจทก์มีอายุ 76 ปี และในขณะนั้น โจทก์เจ็บป่วยเป็นโรคประจำตัว มีอาการป่วย อ่อนแอ และต้องเข้าทำการรักษาตัวในโรงพยาบาลเสมอ
อาการป่วยของโจทก์ที่เป็นอยู่ประจำคือ โรคนอนไม่หลับ ต้องใช้ยานอนหลับเป็นประจำทุกวัน และเมื่อใช้ยานอนหลับแล้ว จะมีอาการเบลอ จำใครไม่ค่อยได้ รายละเอียดปรากฎตามสำเนาหนังสือของโรงพยาบาลในการเข้าทำการรักษาตัวของ พล.ต.ต.เพ็ชร์ ณ ป้อมเพ็ชร์
จำเลยทำตัวสนิทสนมกับโจทก์ โดยเป็นผู้นำส่งโรงพยาบาล และจ้างบุคคลต่างๆเข้าดูและ ณ บ้านเลขที่ 16 ซอยรามคำแหง 42 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร
ซึ่งตั้งอยู่บนที่ดินโฉนดเลขที่ 26656 ตำบลหัวหมาก (หัวหมากใต้) อำเภอบางกะปิ กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ โดยค่าใช้จ่ายภายในบ้าน ค่าจ้างคนดูแล รวมทั้งค่ารักษาพยาบาล โจทก์จะเป็นผู้จ่ายเองทั้งสิ้น รายละเอียดโจทก์จะนำเสนอต่อศาลในชั้นพิจารณา
การกระทำของจำเลยดังกล่าว เป็นเหตุทำให้โจทก์เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจจำเลยมากยิ่งขึ้น จนบุตรสองคนของโจทก์ คือผู้อนุบาลและ พ.ต.ท.ธนัตถ์ พหลโยธิน ไม่สามารถเข้าไปดูแลโจทก์ได้โดยสะดวก
จำเลยได้กระทำทุกวิถีทางที่จะเข้าไปควบคุมดูและทรัพย์สินทั้งหมดของโจทก์ โดยอ้างว่าจะดูแลรักษาให้ ไม่ให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดเข้ามาเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินของโจทก์ได้ เป็นเหตุทำให้โจทก์ เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจขึ้นเป็นทวีคูณ
โดยที่ผู้อนุบาลและน้องชายไม่สามารถที่จะเข้าไปดำเนินการเพื่อปกป้องทรัพย์และดูแล โจทก์ ได้เลย ต่อมาในปี พ.ศ.2547 ผู้อนุบาลโจทก์ทราบว่าโจทก์ได้โอนกรรมสิทธิ์ในบ้านและที่ดินตามที่กล่าวมาแล้วราคาซื้อขายในท้องตลาดประมาณ 35 ล้านบาท ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยโดยไม่มีค่าตอบแทนใดๆทั้งสิ้น
เมื่อปี พ.ศ.2551 ผู้อนุบาลทราบว่า โจทก์ได้ขายกรรมสิทธิ์ในคอนโดมิเนียมที่ซอยเย็นอากาศราคาประมาณ 16 ล้านบาทไปให้แก่บุคคลผู้มีชื่อไป ผู้อนุบาลไม่ทราบรายละเอียด โดยจะนำเสนอต่อศาลในชั้นพิจารณา
และในปี พ.ศ.2550 ปรากฎว่า พล.ต.ต.เพ็ชร์ ณ ป้อมเพ็ชร์ ไม่สามารถเดินเหินได้ด้วยตนเองแล้ว ผู้อนุบาลได้ชักชวนให้ไปอยู่ด้วยกันกับผู้อนุบาลที่บ้าน แต่โจทก์ ก็ไม่ยินยอม บอกเพียงว่าอยากอยู่บ้านของตนเองและเกรงใจจำเลยกลัวจำเลยว่าเอา
ต่อมาในช่วงปลายปี พ.ศ.2554 ในขณะที่เกิดน้ำท่วมรอบๆกรุงเทพมหานคร ผู้อนุบาลได้ไปขอร้องให้โจทก์ ไปพักอยู่ที่บ้านของผู้อนุบาลแต่ โจทก์ก็ยังอ้างเหมือนเดิม ในที่สุด เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2554 ผู้อนุบาลได้ไปเยี่ยม โจทก์ ที่บ้านพัก และอ้อนวอนจนโจทก์ตกลงย้ายไปอยู่กับผู้อนุบาล และได้พาโจทก์ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่สถานีตำรวจนครบาลหัวหมากไว้ด้วย
ในช่วงที่โจทก์มาพักอยู่กับผู้อนุบาล ยังสามารถพูดจาได้ตามปกติ เพียงแต่เดินเหินไม่ได้ต้องใช้รถเข็น ส่วนอาการป่วยของโจทก์ ไม่ดีขึ้น ผู้อนุบาลต้องจ้างคนมาดูแลประจำ
เมื่อผู้อนุบาลเข้าไปคุยถึงเรื่องราว และสอบถามเรื่องทรัพย์สินต่างๆ โจทก์จะพูดเพียงสั้นๆว่าอยากได้เงินพร้อมกับบ้านที่จำเลยเอาไปคืนมา รายการเงินสดอยู่ในสมุดเล็กๆเล่มสีเลือดหมูหรือสีน้ำตาล
ซึ่งผู้อนุบาลได้พยายามตรวจสอบเอกสารเท่าที่มีอยู่ แต่ไม่พบรายการเกี่ยวกับทรัพย์สินของโจทก์ ไม่ว่าจะเป็นสมุดเงินฝากธนาคารและทรัพย์สินอื่นใดเหลืออยู่เป็นโจทก์ นอกจากสมุดเตือนความจำเล่มเล็กๆสีเลือดหมูหรือสีน้ำตาลที่โจทก์บอกเอาไว้
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2555 โจทก์ได้มีอาการป่วยหนัก ผู้อนุบาลได้นำโจทก์ส่งโรงพยาบาล สมิติเวช ศรีนครินทร์ นายแพทย์แจ้งว่าต้องได้รับการผ่าตัดสมองอีกครั้ง และในที่สุดก็ได้ทำการผ่าตัดสมอง และจากการผ่าตัดเป็นเหตุให้โจทก์ไม่สามารถพูดจาได้ และสูญเสียความทรงจำ
ผู้อนุบาลได้ตรวจสอบสมุดบันทึกช่วยจำ ลงบันทึกช่วยจำของโจทก์ไว้เป็นทำนองว่า จำเลยได้เอาเงินของโจทก์ ไปเป็นจำนวนมากนับเป็นร้อยล้านบาท ซึ่งผู้อนุบาลได้บอกโจทก์ว่าจะติดตามเอาคืนให้ จึงได้ร้องขอต่อศาลเพื่อเป็นผู้อนุบาลของโจทก์ ต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง
ข้อ 2 ต่อมาผู้อนุบาลได้ติดต่อธนาคารต่างๆหลายธนาคาร จึงทราบรายละเอียดถึงการกระทำความผิดของจำเลย เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2556 ตั้งแต่ปี พ.ศ.2543 จำเลยได้อาศัยความไว้เนื้อเชื่อใจและสนิทสนมกับโจทก์ เพราะความแก่ชรา มีโรคประจำตัวต้องกินยานอนหลับเสมอทุกวัน
ท้ายคำฟ้องระบุว่า
“จำเลยจึงได้บังอาจกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างวาระกัน โดยการปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม โดยกรอกรายการในใบถอนเงินของธนาคารและเช็ค ที่มีลายมือชื่อของโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของบัญชี และนำไปเบิกหรือถอนเงินจากธนาคารเพื่อนำเงินออกจากบัญชีธนาคารของโจทก์ นำไปเป็นประโยชน์ส่วนตนและบุคคลที่สามโดยทุจริต หลายครั้งหลายหนต่อเนื่องกันจนกระทั่งถึงปี พ.ศ.2551 และจากการทำการทุจริตต่อกฎหมายดังกล่าว จำเลยได้ไปซึ่งทรัพย์สินของโจทก์เป็นเงินรวม 158,330,000 บาท”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เงินที่โจทก์กล่าวหานายศักดิ์ชัย กาย (บก.นิตยสารชื่อดัง) ปลอมแปลงเอกสารโดยกรอกข้อความในใบถอนเงินของธนาคารกรุงไทย สาขาศรีนครินทร์ ในชื่อของโจทก์ โดยจำเลยเป็นผู้กรอกข้อความและเขียนตัวเลขจำนวนเงินเอง ก้อนใหญ่สุดจำนวน 131 ล้านบาท โดยให้ธนาคารออกแคชเชียร์เช็คสั่งจ่ายให้แก่จำเลย และจำเลยได้นำแคชเชียร์เช็คดังกล่าวฝากเข้าบัญชีเงินฝากของจำเลยธนาคารกรุงไทย สาขาศรีนครินทร์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้ศาลนัดพิจารณาครั้งต่อไปวันที่ 22 มิ.ย.58
ช่วงเย็นวันที่ 20 มี.ค.58 ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์ติดต่อไปยังนิตยสาร Lips เพื่อขอติดต่อนายศักดิ์ชัย กาย ทางกองบรรณาธิการ โอนสายไปยังเลาขาฯของนายศักดิ์ชาย กาย แต่หลังฟังคำถามแล้วจากนั้นก็ตัดสาย และเมื่อติดต่อไปอีกครั้งก็ติดต่อไม่ได้
ต่อมาผู้สื่อข่าวโทรศัพท์ติดต่อไปยังเบอร์โทร.มือถือนายศักดิ์ชัย กาย หมายเลข 081 4088XXX แต่ไม่มีผู้รับสาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนหน้านี้ นายศักดิ์ชัย กาย ถูก นายธีรวัต ณ ป้อมเพ็ชร บุตรชาย นายวิวรรธน์ ณ ป้อมเพ็ชร์ เป็นโจทก์ฟ้อง เป็นจำเลย กรณีพินัยกรรมปลอมของนายวิวรรธน์ ณ ป้อมเพ็ชร์ ผู้เป็นบิดา
หมาเยหตุ : ภาพประกอบจาก www.manager.co.th