“อาจารย์จอน” พูดถึง “ดร.ป๋วย” คุณพ่อเป็นคนธรรมดา ที่วิจารณ์ได้
“... ผมคิดว่าที่สำคัญ ต้องวิจารณ์คุณพ่อ เวลาอ่านข้อเขียน เวลาอ่านประวัติ ต้องวิจารณ์ ถ้าไม่วิจารณ์ไม่เกิดการถกเถียง ดีเบต คุณพ่อผมก็กลายเป็นชีวิต 2 มิติ ไม่ใช่ 3 มิติ แล้วการเรียนรู้ก็จะไม่เกิดขึ้น”
9 มีนาคม 2558 เป็นวันครบรอบ 99 ปี “ดร.ป๋วย อึ้งภากรณ์” มีหลายองค์กรจัดกิจกรรมรำลึกอาจารย์ป๋วย หนึ่งในนั้นคือ นิทรรศการ “คนชื่อป๋วย” (A Man Called Puey) ณ โถงทางเข้าหอสมุดปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
งานนี้ มีการจัดแสดงเครื่องราชอิสริยาภรณ์ MBE พระราชทานจากพระเจ้าจอร์จที่ 6 แห่งสหราชอาณาจักรสู่สาธารณชนเป็นครั้งแรก มีศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันลูกแม่โดม รวมทั้งผู้เคารพรักอาจารย์ป๋วย มาร่วมงานกันอย่างอบอุ่น เช่นเดียวกับ “จอน อึ้งภากรณ์” ที่มาร่วมงานรำลึกคุณพ่อป๋วยเป็นครั้งแรก
ลูกชายอาจารย์ป๋วย กล่าวเปิดนิทรรศการว่า จริงๆแล้ว ผมเป็นคนที่ไม่เคยมาร่วมงานระลึกถึงคุณพ่อเลยไม่ว่าที่ไหน มาวันนี้เป็นวันแรก มาฟังอาจารย์ชัยวัฒน์ (สถาอนันท์) พูดถึงคุณพ่อ มาฟังอาจารย์อภิชาต (สถิตนิรมัย) ก็ซาบซึ้ง
อาจาย์จอน เปิดใจว่า “ผมมีเรื่องที่อยากจะพูดในใจ อันแรกอยากจะบอกว่า คุณพ่อเป็นคนธรรมดา อย่ามาเรียกอะไรมากกว่านั้น ด้วยความเคารพ ไม่ค่อยชอบคำว่าปูชนียบุคคล ไม่รู้ว่าแปลว่าอะไร และมากกว่านั้น ผมคิดว่าคุณพ่อเองก็ไม่ได้ต้องการให้เรียกอะไร”
ผมเอง ไม่ค่อยมีโอกาสได้รู้จักคุณพ่อในแง่การทำงานเท่าไหร่ รู้จักในแง่แค่เป็นพ่อเท่านั้นเอง ผลงานคุณพ่อแทบไม่เคยอ่าน ได้มาอ่านหลังจากคุณพ่อเสียไปแล้ว
อยากจะบอกว่าในครอบครัวเรา เห็นทั้งจุดแข็งและจุดอ่อนของคุณพ่อได้ วันนี้ไม่ได้มีการบรรยายจุดอ่อน แต่มีเยอะ คุณแม่เองก็เป็นคนที่มองคุณพ่อเป็นคนธรรมดา
หลังจากที่คุณพ่อเสียแล้ว คุณแม่เอาทรัพย์สินทั้งหมดไปโยนถังขยะเกือบหมดเลย ตั้งแต่ไม้เท้า หรือไปป์ ฉะนั้นมีอะไรที่เหลือน้อยมาก ตอนที่คุณแม่เสียไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว
ที่กู้มาได้ก็คือ เหรียญ MBE ของคุณพ่อ ซึ่งผมเองก็ไม่ได้คิดอะไรมากกับเหรียญอันนี้ นอกจากว่ามันเป็นสัญลักษณ์การทำงานของคุณพ่อตอนเป็นเสรีไทย
ฉะนั้น ผมไม่ได้อยากให้มาดูเหรียญแล้วรู้สึกซาบซึ้งไปกับเหรียญ แต่อยากให้ดูเหรียญแล้วกลับไปอ่านประวัติคุณพ่อที่ทำงานในเสรีไทยมากกว่า ต้องดูจากผลงานการทำงาน
แล้วผมคิดว่าที่สำคัญ ต้องวิจารณ์คุณพ่อ เวลาอ่านข้อเขียน เวลาอ่านประวัติ ต้องวิจารณ์ ถ้าไม่วิจารณ์ ไม่เกิดการถกเถียง ดีเบต คุณพ่อผมก็กลายเป็นชีวิต 2 มิติ ไม่ใช่ 3 มิติ แล้วการเรียนรู้ก็จะไม่เกิดขึ้น
ผมเขียนในเฟสบุ๊ควันก่อน บอกว่า ผมจะโกรธมากเวลาคนที่ไปรับใช้เผด็จการปัจจุบันนี้ มาอ้างว่า คุณพ่อก็รับใช้เผด็จการเหมือนกัน ผมโกรธมากที่เขาหากินจากชื่อคุณพ่อผม ไปกลบที่เขาทำในยุคเผด็จการปัจจุบัน
แต่ผมไม่โกรธคนอย่างอาจารย์สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ซึ่งวิจารณ์คุณพ่อผมมานานแล้วว่า รับใช้สฤษดิ์ (ธนะรัชต์) มากเกินไป ความหมายมันต่างกัน ฉะนั้น วิจารณ์ได้ ตั้งคำถามได้ แต่อย่าอ้างว่า ทำเหมือนคุณพ่อ เวลามารับใช้เผด็จการยุคปัจจุบัน
อาจารย์จอน พูดถึงเหรียญ MBE ของพ่อว่า ผมก็คุยกับน้องๆว่า เราจะเอาไปทำอะไรดี ก็คุยกันว่าในระยะยาว น่าจะมอบให้กับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แต่ตอนนี้ยังไม่อยากมอบ มหาวิทยาลัยที่ปัจจุบันดูเหมือนจิตวิญญาณหายไปซะเยอะ
เหลือแต่ในอาจารย์บางส่วน และในนักศึกษารุ่นใหม่บางส่วน แต่อยากให้กลับมาเป็นเต็มรูปแบบ อันนี้เป็นความฝัน วันนั้นก็อยากจะมอบให้
“จริงๆตอนนี้ ก็อยากจะมอบให้กับอาจารย์ชาญวิทย์ (เกษตรศิริ) เพราะว่าเคารพในตัวอาจารย์ชาญวิทย์ แต่ไม่รู้ว่าถ้าผมมอบให้อาจารย์ชาญวิทย์ ไม่รู้ใครจะไปก่อนใคร(หัวเราะ) แต่ผมไปก่อนแน่ ก็ไม่รู้ว่าอาจารย์ชาญวิทย์จะอยู่ต่ออีกนานเท่าไหร่หลังจากนั้น” อาจารย์จอนกล่าวติดตลก
อาจารย์จอน ทิ้งท้ายว่า ....คิดว่า ผมจะมอบเหรียญ MBE ให้ลูกสาวคนโตของผม ถ้าผมไปแล้ว บอกเขาว่า วันไหนมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นมหาวิทยาลัยสอนประชาธิปไตย สอนสิทธิมนุษยชน สอนความเป็นธรรมทางสังคม เมื่อนั้นก็ค่อยมอบให้กับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก็แล้วกันครับ ขอขอบคุณครับ
นี่คือความในใจจาก อาจารย์จอน ถึง อาจารย์ป๋วย ในฐานะพ่อ ภาระงาน และเจตนารมณ์สู่สังคมไทย
ขอบคุณภาพจาก :www.sarakadee.com