“หม่อมอุ๋ย”ยกม็อบกปปส.จุดเปลี่ยนต้านโกง! ปลุกปชช.สู้หวั่นประเทศพัง
“ม.ร.ว.ปรีดิยาธร” ยกเหตุม็อบ กปปส. จุดเปลี่ยนการต้านคอร์รัปชั่น ชี้หากข้าราชการป้องกันทุจริตนักการเมืองไม่ได้ เป็นหน้าที่พลเมืองลุกขึ้นต่อสู้ ยันไม่มีใครอยากเห็นประเทศพัง แต่หากยังโกงต่อ ประชาชนมาอีกแน่ เชื่อไม่มีนักการเมืองคนไหนอยากเผชิญหน้ากับประชาชน
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในงาน “วิกฤติคอร์รัปชั่นไทยกับการต่อสู้ของภาคพลเมือง” เนื่องในงานรำลึก 100 ปีชาตกาล อ.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ตอนหนึ่งว่า ปัจจุบันพลังแห่งการต่อต้านคอร์รัปชั่นอ่อนแอลง นักการเมืองก็ได้ใจ ทำให้มีการฉ้อราษฎร์บังหลวงมากขึ้น ทำโดยไม่อายสายตาชาวบ้าน จนกระทั่งชาวบ้านทนไหว ลุกขึ้นต่อต้าน ซึ่งชาวบ้านทุกคนไม่มีใครอยากเห็นประเทศเสียหาย หรือพังลงต่อหน้าต่อตา ดังช่วงปลายปี 2556 ถึงต้นปี 2557 สะท้อนให้เห็นว่า ถ้าพลังของข้าราชการไม่สามารถต่อต้านคอร์รัปชั่นของนักการเมืองได้ พลังภายนอกหรือพลังประชาชนก็จะลุกขึ้นมาทำหน้าที่แทน ซึ่งในเมืองไทยประชาชนยังมีความสำนึกดีมากกว่าสำนึกชั่ว
“ดีใจที่พลังประชาชนที่ลุกขึ้นต่อต้านครั้งนี้ยืนหยัดได้นาน และกดดันให้มีการเปลี่ยนแปลงในที่สุด เมื่อทำได้สำเร็จครั้งหนึ่ง เชื่อว่า ครั้งต่อไปจะทำได้อีก หากเกิดเหตุการณ์อย่างที่ผ่านมา” ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าว
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวอีกว่า หากเกิดการคอร์รัปชั่นโดยนักการเมืองแบบโจ่งแจ้ง ประชาชนจะออกมาต้านอีก เรื่องนี้สำคัญมาก สำคัญยิ่งกว่าการเพิ่มเติมบทบัญญัติป้องกันการทุจริตคอร์รัปชั่น เพราะไม่มีนักการเมืองคนใด อยากเผชิญการประท้วงต่อต้านของประชาชน ดังที่ปรากฏแล้ว น่าจะมีผลป้องปรามการฉ้อราษฎร์บังหลวงได้ไม่มากก็น้อย แต่ไม่ได้หมายความว่าการฉ้อราษฎร์บังหลวงจะหมดไป เพราะนักการเมืองที่หาผลประโยชน์จากเงินของแผ่นดิน ยังอยู่ในวงการเมืองปัจจุบัน และคงมีความพยายามฉ้อราษฎร์บังหลวงมิดชิด และเห็นได้ยากมากขึ้น
“การต่อต้านคอร์รัปชั่นภาคพลเมืองก่อตัวขึ้นแล้วและคงอยู่ต่อไป และข้าราชการจำเป็นต้องปรับตัว เนื่องจากการฉ้อราษฎร์บังหลวงทำแนบเนียนขึ้น จำเป็นต้องจัดกระบวนการติดตาม ส่งต่อข้อมูลอย่างทันเหตุการณ์ ความพยายามในการบรรจุกฎหมายเกี่ยวกับการประมูลจัดซื้อจัดจ้างอย่างโปร่งใส เป็นความพยายามที่ดี แต่ไม่น่าเพียงพอกับความเจ้าเล่ห์ของผู้ที่จะโกง” ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าว
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ข้าราชการทุกคนรักชาติ ส่วนใหญ่ต้องการขจัดการคอร์รัปชั่น แต่ให้ต่อสู้ในวงข้าราชการฝ่ายเดียว ดังที่ข้าราชการรุ่นก่อนหน้าทำมา คงสำเร็จยาก เพราะเหตุการณ์ทางการเมืองเปลี่ยนไปมาก นักการเมืองใช้วิธีโยกย้ายข้าราชการข่มขู่ และเป็นเครื่องมือปัดให้พ้นทาง ดังนั้นหากข้าราชการต่อสู้กับอธรรม แต่ถูกย้ายออกก่อนทำได้สำเร็จ ก็มีแต่เสีย ดังนั้นการปกปิดแหล่งข้อมูลอย่างมิดชิด เป็นหนทางหนึ่งที่ทำให้ข้าราชการมีความเชื่อมั่นที่จะส่งข้อมูล
หมายเหตุ : ภาพประกอบ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร จาก aecnews