รัฐบาลทำเสียของ...ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
หากเครื่องมือภาษีที่ดินนี้มีอันต้องตกไป หรือต้านกระแสลบมากๆ ไม่ไหว หรือออกมาแบบเบี้ยวๆ บูดๆ เป็นเรื่องน่าเสียดาย เสียดายที่รัฐบาลทำเสียของ เสียดายที่สื่อตีแต่ข่าวร้าย ไม่อธิบาย เสียดายที่ประชาชนเข้าไม่ถึงข้อมูล
ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง หลักการแล้ว ภาษีที่ดิน เป็น "เครื่องมือ" ที่ดี ในการพัฒนาประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นเพียงกลไกรัฐเพียงไม่กี่ตัวที่สามารถเกลี่ยทรัพยากรเพื่อความเท่าเทียมได้ ซึ่งจะเกี่ยวกับ "ผังเมือง" และ "องค์กรบริหารระดับท้องถิ่น"
สำหรับภาษีตัวนี้ จะเป็นกลไกให้ใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างไร?
ยกตัวอย่างคือ
ถ้าผังเมืองบอกว่า บริเวณใดเหมาะสำหรับเป็น "ที่พักอาศัยหนาแน่น" (เช่นคอนโดมิเนียม อพาร์ทเม้นท์ หอพัก ที่มีหลายๆ ชั้น) แล้วอยู่ๆ มีคนนำที่ดินตรงนั้นไปสร้างบ้านเดี่ยวชั้นเดียว สวนกว้างใหญ่ การกระทำเช่นนี้ แม้จะเป็นสิทธิของท่าน แต่การที่ทางการได้เตรียมถนน รถไฟฟ้า สายไฟฟ้า ท่อประปาขนาดใหญ่ ฯลฯ เพื่อรองรับการอยู่อาศัยหนาแน่นไว้แล้ว การทำเช่นนี้ เป็นการเสียโอกาสพัฒนาของพื้นที่เป็นการใช้ทรัพยากรได้ไม่มีประสิทธิภาพ ฉะนั้น รัฐ จำเป็นต้อง "ไม่ส่งเสริม" การกระทำที่ไม่มีประสิทธิภาพเช่นนี้ ด้วยกลไก ภาษี เช่นเก็บภาษีให้มากขึ้น
กลับกัน ในพื้นที่ที่ผังเมือง บอกว่าเหมาะสำหรับการทำการเกษตรด้วยเหตุผลต่างๆ เช่น การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมการระบายน้ำ ประสิทธิภาพดินและน้ำที่เหมาะกับเกษตร ฯลฯ แต่ดันมีคนไปถมดินลงทุนสร้างอพาร์ทเม้นท์ทำให้เป็นภาระของถนน สายไฟฟ้า ปริมาณน้ำประปา ขวางทางระบายน้ำ เมื่อเดินทรุด น้ำท่วมก็ต้องเสียทรัพยากรมาซ่อมสร้างใหม่เป็นภาระของรัฐต้องเข้ามาช่วยเหลือ รัฐจึงต้องไม่ส่งเสริมการกระทำเช่นนี้ เช่น การออกกฎหมายห้าม หรือด้วยกลไกภาษี
อย่างไรก็ตาม จากความเห็นต่างๆ ภาษีนี้ก็ควรจะมีข้องดเว้น หรือเก็บน้อยๆ สำหรับปัจจัยพื้นฐาน เช่น บ้านหลังแรกของคนที่อยู่อาศัยถูกโซนผังเมือง หรือเก็บภาษีก็เก็บน้อยๆ เช่น 0.1% หรือ 0.05% เช่น คอนโดสองล้านบาท เก็บแค่ สองพันบาทต่อปี หนึ่งพันบาทต่อปี
"การเก็บน้อยๆ ผมเข้าใจว่าเป้าหมายอาจไม่ใช่เงิน แต่เป็นการรักษาฐานข้อมูลทางภาษี ให้มีการ Activated อยู่ตลอดเวลา"
สำหรับทรัพย์สินส่วนฟุ่มเฟือย เช่น คนที่มีบ้านแล้ว ยังเป็นเจ้าของคอนโดอีกสองสามห้อง นี่คือการถือครองทรัพยากร(ที่อยู่อาศัย) ที่ยังถือว่า ขาดแคลน มากกว่าความจำเป็น ดังนั้น จำเป็นต้องมีกลไกภาษีมาจัดการเพื่อเกลี่ยทรัพยากร เก็บเป็นภาษี ซึ่งอาจนำไปส่งเสริมให้ผู้ที่ขาดแคลนได้มีที่พักอาศัย เช่น โครงการพักอาศัยราคาไม่แพง หรือ โครงการเงินกู้บ้านหลังแรกดอกเบี้ยถูกๆ ฯลฯ
การมีเครื่องมือภาษีที่ดิน ยังเป็นกลไกช่วยลดการเก็งกำไรที่ดิน เช่น ถ้ามีบุคคล หรือนิติบุคคล ถือครองที่ดินผืนใหญ่ๆเพื่อเก็งกำไร แต่ดันไม่มีการลงทุน ปล่อยทิ้งร้างไว้ เพื่อเก็งกำไร การทำเช่นนี้ เป็นการทิ้งทรัพยากรไม่ก่อเกิดประโยชน์ หรือผลผลิต กลไกภาษีควรบังคับให้มีการใช้ประโยชน์เช่นปล่อยเช่าทำเกษตร ซึ่งจะสร้างงานให้คนอีกจำนวนมากได้เป็นการหมุนเวียนเศรษฐกิจไปในตัวเมื่อประชากรเกิดการผลิต
การมีเครื่องมือภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ยังเป็นกลไกเชิงรุก ทำให้เกิดอะไรดีๆ ขึ้นได้ เช่น
- ตึกที่มีที่ว่าง หรือมีที่จอดรถที่เหลือ ให้นำมาแชร์กับสาธารณะรัฐจะลดภาษีให้เป็นสัดส่วน
- ตึกที่มีการบริหารจัดการให้สามารถประหยัดพลังงาน ก็นำไปลดภาษีได้
- ตึกในพื้นที่น้ำท่วม ให้เตรียมเป็นที่พักผู้ประสบภัยยามฉุกเฉิน สามารถลดภาษีได้
- การมีต้นไม้ในพื้นที่เกินครึ่งของที่ว่าง เป็นการส่งเสริมสิ่งแวดล้อมท้องถิ่น นำไปลดภาษีได้
- ฯลฯ
ภาษีที่เก็บได้ควรนำไปสู่การพัฒนาท้องถิ่น ในหลายประเทศโรงเรียนท้องถิ่นได้รับการสนับสนุนจากภาษีในท้องถิ่นทำให้มีการย่านคนรวย มีโรงเรียนดีๆ มีสวนสวยๆ ได้ เป็นการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นคนมีภาระผูกพันต่อการบริหาร และการเลือกผู้นำท้องถิ่นและเป็นกลไกตลาดที่ให้ผู้นำระดับท้องถิ่นมีเครื่องมือใจการจูงใจผู้คน หรือบริษัท ให้เข้ามาในพื้นที่ เช่น การลดอัตราภาษี ฯลฯ
แต่กระแสตอนนี้ หลังจากนักเล่าข่าว หนังสือพิมพ์บางฉบับเสนอเรื่องพ.ร.บ.ภาษีที่ดินฯ ไม่ครบทุกด้าน จน พ.ร.บ.นี้ กลายเป็นภูตผีปีศาจไปเสียแล้ว เมื่อมีคนต่อต้านจำนวนมาก
ความแย่ของรัฐบาลนี้ คือการไม่อธิบาย ไม่จูงใจ ไม่สื่อสารให้เห็นประโยชน์ของประชาชน ที่จะได้หลังกฎหมายนี้ออกมา
ที่เลวร้ายกว่าคือ คนที่ร่างกฎหมายไม่ได้มีความเข้าใจใน "หลักการ" ของเครื่องมือตัวนี้ ภาษีที่ดินต้องไม่ซ้ำซ้อนกับภาษีเงินได้ เช่น ภาษีโรงเรือนต้องยกเลิก ซึ่งแนวโน้มเป็นเช่นนั้น
เป็นความจริงที่น่าเศร้าว่า แม้ภาษีที่ดินฯ จะถูกศึกษามากว่ายี่สิบปี แต่ไม่สามารถออกได้ ในรัฐบาลเลือกตั้งได้เลย (เช่นเดียวกับ กม.สิ่งแวดล้อมดีๆ กม.คุมความเจริญหลายๆ ตัว) เพราะรัฐบาลเลือกตั้ง มักมีแรงสนับสนุนจากคนรวยที่มีแนวโน้มจะโดนภาษีเยอะจึงไม่อยากทุบหม้อข้าวตัวเอง
หากเครื่องมือภาษีที่ดินตัวนี้ มีอันต้องตกไปหรือต้านกระแสลบมากๆ ไม่ไหว หรือออกมาแบบเบี้ยวๆ บูดๆ เป็นเรื่องน่าเสียดาย เสียดายที่รัฐบาลทำเสียของ เสียดายที่สื่อมวลชนตีแต่ข่าวร้าย ไม่อธิบาย เสียดายที่ประชาชนเข้าไม่ถึงข้อมูล
ที่มา:https://www.facebook.com/lekparinya?fref=nf
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
นักวิชาการชี้เก็บภาษีบ้าน ไม่กระทบชนชั้นกลางเชื่อจ่ายไหว เป็นรายได้ให้ท้องถิ่น