กมธ.ปฏิรูปป้องกันทุจริตฯ สปช. เสนอตั้งศาลชำนัญพิเศษ พิจารณาคดีคอร์รัปชั่น
คณะกรรมาธิการปฏิรูปการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ สปช. เสนอกรอบหลักปฏิรูป3 ป. "ปลูกฝัง ป้องกัน และปราบปราม" พร้อมเสนอตั้งศาลชำนัญพิเศษ พิจารณาเฉพาะคดีคอร์รัปชั่น
วันที่ 3 มีนาคม นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) เปิดเผยว่า กรรมาธิการได้กรอบหลักในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบแล้ว แบ่งเป็นหลัก 3 ป. คือ ปลูกฝัง ป้องกัน และปราบปราม
สำหรับการปลูกฝัง จะมียุทธศาสตร์คนไทยไม่โกง เพื่อขับเคลื่อน 3 แนวทาง สร้างจิตสำนึกที่ตัวบุคคล สร้างความเข้มแข็งทางกลไกและเครือข่าย และการสร้างพลังคุณธรรมขับเคลื่อนสังคม ไปยัง 7 กลุ่มเป้าหมายที่ประกอบด้วยเด็กเยาวชน ข้าราชการเจ้าหน้าที่รัฐ นักการเมือง ธุรกิจเอกชน สื่อมวลชน ประชาสังคมและประชาชนทั่วไป
ส่วน ป.ป้องกัน นั้นเป็นยุทธศาสตร์ป้องกันด้วยการเสริมสร้างสังคมธรรมาภิบาล สร้างระบบภูมิคุ้มกันการทุจริตคอร์รัปชั่น ด้วยการปฏิรูปกฎ กติกาองค์กรให้มีความชัดเจน สร้างการยอมรับร่วมกัน บังคับใช้อย่างมีประสิทธิภาพ แสดงความโปร่งใสด้วยการเข้าถึงข้อมูลและแสดงการดำเนินงานทุกขั้นตอน สนับสนุนการมส่วนร่วม จับกุมและลงโทษเมื่อมีการทุจริตอย่างเคร่งครัดจริงจัง
สำหรับการปราบปราม ต้องปฏิรูปกลไกการปราบปรามทั้งระบบและองค์กร ด้วยการส่งเสริมกลไกภาคประชาชน ประชาสังคม ในการเป็นผู้แจ้งเบาะแส เฝ้าระวังและติดตาม สร้างความเข้มแข็งของกลไกตรวจสอบและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นในภาครัฐ ด้วยการสร้างให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่ดังกล่าวมีความเชี่ยวชาญเฉพาะ
พร้อมกันนี้ ประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ สปช. กล่าวว่า มีการเสนอตั้งศาลชำนัญพิเศษ เพื่อพิจารณาคดีคอร์รัปชั่น เป็นระบบศาลสองชั้น การปรับปรุงประสิทธิภาพการทำคดีของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต(ป.ป.ช.) โดยเสนอสัดส่วนคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่ต้องมาจากภาคเอกชนและประชาสังคม ส่วนคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ป.ป.ท.) ควรให้เป็นองค์กรอิสระ โดยอาจรวมกับ ป.ป.ช. เพื่อปลอดจากการแทรกแซงทางการเมืองและยังสามารถบูรณาการทำงานร่วมกันได้อย่างใกล้ชิด
ที่มา:http://www.radioparliament.net/parliament/viewNews.php?nId=3835#.VPVN8yy1_cs