ทำไมเราต้องสอนเรื่องสิทธิเนื้อตัวร่างกายแก่เด็กวัยรุ่น
ในสหรัฐอเมริกา 2 ใน 10 ของผู้หญิง และ 1 ใน 10 ของผู้ชาย ที่ตกเป็นเหยื่อของการข่มขืน การทำร้ายร่างกาย และการถูกสะกดรอยตาม เกิดขึ้นครั้งแรกในช่วงอายุ 11 -17 ปี
การอบรมสั่งสอนลูกหลานในบ้านให้เข้าใจและเคารพในสิทธิเนื้อตัวร่างกายของตัว เองและผู้อื่น เป็นการสร้างค่านิยมใหม่ และช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการทำร้ายกันระหว่างคู่วัยรุ่น ซึ่งกำลังเป็นปัญหาใหญ่ในหลายประเทศ
เช่น ในสหรัฐอเมริกา 2 ใน 10 ของผู้หญิง และ 1 ใน 10 ของผู้ชาย ที่ตกเป็นเหยื่อของการข่มขืน การทำร้ายร่างกาย และการถูกสะกดรอยตาม เกิดขึ้นครั้งแรกในช่วงอายุ 11 -17 ปี และมีรายงานจากโรงเรียนพบว่านักเรียน 1 ใน 10 คนถูกตบตี ทำร้ายร่างกาย รวมทั้งเป็นเหยื่อทางเพศจากแฟนของตัวเองในรอบ 12 เดือนก่อนสำการสำรวจ (2014)
ในประเทศไทย มูลนิธิหญิงชายก้าวไกลทำการสำรวจสถานการณ์ความรุนแรงของคู่รักวัยรุ่น เนื่องในโอกาสรณรงค์ยุติความรุนแรงในเด็กและผู้หญิง ปี 2557 ก็พบว่า การทำร้ายร่างกายระหว่างคู่และการตั้งครรภ์ไม่พร้อม คือหนึ่งในหลายเรื่องที่คู่รักเผชิญ
หนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้ความรุนแรงระหว่างคู่ในวัยรุ่นพบบ่อยขึ้นคือ การเห็นเหตุการณ์ความรุนแรงภายในบ้านของตัวเอง และความเชื่อว่าการทำร้ายคู่ของตนเองเป็นเรื่องชอบธรรม ซึ่งปัจจัยเหล่านี้สามารถป้องกันได้โดยการปรับเปลี่ยนความเชื่อ ทัศนคติ จากการเลี้ยงดูขัดเกลาของคนในครอบครัว
ดังนั้น The Good Men Project หน่วยงานที่ทำงานเพื่อเสริมสร้างความเข้าใจในเรื่อง “ความเป็นชาย” จึงรวบรวมเรื่องเล่า ประสบการณ์ดีๆ ข้อคิด คำแนะนำสำหรับผู้ชายในบทบาทต่างๆ ทั้งในฐานะคนรัก พ่อ เพื่อน สามี รวมทั้งการเลี้ยงดูเด็กผู้ชาย เพื่อให้เติบโตมามีความเคารพในบทบาททางเพศของตนเองและคนอื่น โดยใช้ช่องทางสื่อสารออนไลน์ คือ เวบไซต์
The Good Men Project จึงเป็นนิตยสารออนไลน์ที่นำเสนอเรื่องราวหลากหลายด้านของ “ความเป็นชาย” ให้สื่อและผู้คนได้เปิดมุมมอง มีองค์ความรู้ เพื่อนำไปสู่ความเข้าใจในเรื่องความเท่าเทียมกันทางเพศ ช่วยกันลดความรุนแรงและการทำร้ายกันระหว่างคู่
หนึ่งในบทความที่น่าสนใจ คือ เรื่องของการอบรมสั่งสอนลูกหลานในบ้านให้เข้าใจและเคารพในสิทธิเนื้อตัวร่างกายของตัวเองและผู้อื่น โดยผู้เขียนได้ให้แนวทางการอบรมสั่งสอนที่ต้องทำให้สอดคล้องกับช่วงวัยของเด็กไว้ 3 ช่วง คือ เด็กเล็ก เด็กก่อนวัยรุ่น และเด็กวัยรุ่น
ผู้ที่สนใจจะนำไปปรับใช้ในการทำงานกับพ่อแม่และกับเด็ก แม้บางเรื่องอาจจะดูเหมือนเป็นวัฒนธรรมตะวันตก แต่สิ่งที่เป็นสาระสำคัญของแนวทางเหล่านี้ คือ การเห็นวิธีการให้คุณค่าตนเองโดยที่ยังเคารพในสิทธิของผู้อื่น