ป.ป.ช.อายัดทรัพย์“ศุภกิจ-พวก”คดีโกงแวต 4.3 พันล.-สอบรวยผิดปกติ
มติ ป.ป.ช. สั่งอายัดทรัพย์ “ศุภกิจ ริยะการ-เครือญาติ” อดีตสรรพากรบางรัก 48 ล้าน ตัวละครสำคัญคดีโกงแวต 4.3 พันล้าน พบเงินฝากหลายสิบบัญชี ที่ดินเพียบ คอนโด 1 แห่ง รถยนต์ 6 คัน หลังมีพฤติการณ์เชื่อได้ว่าร่ำรวยผิดปกติ
เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2558 นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงถึงมติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตามที่เคยแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่า นายศุภกิจ ริยะการ หรือสิริพงศ์ ริยะการธีรโชติ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งสรรพากรพื้นที่กรุงเทพฯ 22 (บางรัก) ร่ำรวยผิดปกติ และได้มีคำสั่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2557 โดยมี น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานอนุฯนั้น
คณะกรรมการ ป.ป.ช. ตรวจสอบพบว่า นายศุภกิจ มีพฤติการณ์น่าเชื่อว่าจะมีการโอนย้าย ยักย้าย แปรสภาพ หรือซุกซ่อนทรัพย์สินดังกล่าว จึงได้มีคำสั่งอายัดทรัพย์สินของนายศุภกิจ และผู้ที่เกี่ยวข้องไว้เป็นการชั่วคราว รวมมูลค่าประมาณ 48 ล้านบาท ได้แก่
1.ของนายศุภกิจ เป็น เงินฝาก 10 บัญชี เงินลงทุน 2 แห่ง (ทุนเรือนหุ้นสหกรณ์ออมทรัพย์ ขรก.กรมสรรพากร, หุ้นบริษัท หนองคายทรัพย์อนันต์ จำกัด) ที่ดิน 1 แปลง และยานพาหนะ 2 คัน (โตโยต้า แคมรี่, เบนซ์ E280)
2.ของนางวราภรณ์ ริยะการ (หรูจิตตวิวัฒน์) เป็น เงินฝาก 13 บัญชี ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง 7 แห่ง คอนโดมีเนียม 1 แห่ง
3.ของ น.ส.ธนวรรณ ริยะการ เป็น เงินฝาก 1 บัญชี
4.ของนายกรัณย์ ริยะการ เป็น เงินฝาก 2 บัญชี ที่ดิน 2 แปลง รถยนต์ 2 คัน (โตโยต้า, ฮอนด้า)
และทรัพย์สินที่ยังไม่ปรากฏชื่อผู้ครอบครอง/ถือกรรมสิทธิ์ เป็นรถยนต์ 2 คัน (อีซูสุ, เบนซ์ E220)
นอกจากนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังมีคำสั่งให้นายศุภกิจ แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ภายใน 30 วัน ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 79 ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายศุภกิจ เป็นหนึ่งในตัวละครสำคัญ กรณีการคืนภาษีมูลค่ามูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ประกอบการเอกชนกว่า 4.3 พันล้านบาท เนื่องจากเป็นสรรพากรพื้นที่บางรัก ที่เป็นเขตที่มีความเสียหายมากที่สุด ต่อมากระทรวงการคลัง ได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และได้เรียกนายศุภกิจ เข้ามาช่วยราชการที่กรมสรรพากร ต่อมาได้สั่งย้ายนายศุภกิจ ไปเป็นสรรพากรพื้นที่ จ.นราธิวาส
หลังจากนั้นคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว ได้สรุปผลว่า มีข้าราชการกรมสรรพากรที่ถูกสอบสวนทางวินัยทั้งหมด 20 ราย และได้ประสานความร่วมมือกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จัดส่งรายชื่อข้าราชการที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ให้กับคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตรวจสอบอย่างเป็นทางการ โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาไต่สวนข้อเท็จจริง มีนายภักดี โพธิศิริ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานอนุฯ
ด้านนายวรวิทย์ สุขบุญ รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. เปิดเผยถึงกรณีนี้ว่า ภายหลังดำเนินการไต่สวนตรวจสอบแล้วพบว่าในระดับเจ้าหน้าที่มีอย่างน้อย 2 รายที่มีความร่ำรวยผิดปกติ โดยนายศุภกิจ เป็น 1-2 รายดังกล่าว และพบความผิดปกติของเส้นทางการเงินอย่างชัดเจน คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีมติสั่งอายัดทรัพย์สิน และตั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบสอบทรัพย์สินนายศุภกิจ ส่วนเจ้าหน้าที่อีกรายนั้นยังไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้ เกรงว่าจะกระทบต่อคดี หากมีความชัดเจนจะแถลงให้ทราบอีกครั้ง
อ่านประกอบ :
เบื้องหลังเปิดโปงทุจริตคืนภาษี 4.3 พันล. ข่าวเจาะแห่งปี“สำนักข่าวอิศรา”
เปิดชื่อซี 9-18 ขรก.สรรพากรเสี่ยงถูกเชือดปมคืนภาษีฉาว 4.3 พันล้าน?
สั่งย้ายใหญ่ขรก.สรรพากร 76 ตำแหน่ง เด้ง“ศุภกิจ-พายุ”ไป 2 จว.ชายแดนใต้