อุทธรณ์ไม่เป็นผล! อสส.สั่งฟ้อง "หมอจักรกฤษณ์" เรี่ยไรเงินซื้อรถตู้ให้รมต.ลงพื้นที่
ป.ป.ช. ไม่รับคำอุทธรณ์ "นพ.จักรกฤษณ์" อดีตหน.ผู้ตรวจสธ. คดีเรี่ยไรเงิน 3.6 ล.ซื้อรถตู้ให้รมต.ลงพื้นที่ เผย อสส.สั่งฟ้องคดีอาญาแล้ว -ด้านรองปลัดฯ ยันส่งเรื่องเข้าที่ประชุม อ.ก.พ.กระทรวงฯ ฟันโทษวินัยเป็นทางการ หลังลงมติตั้งแต่ช่วงก.ย.57
จากกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ได้ลงมติชี้มูลความผิด นายแพทย์จักรกฤษณ์ ภูมิสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข ขณะดำรงตำแหน่งสาธารณสุขนิเทศก์ กระทรวงสาธารณสุข ในคดีกล่าวหา ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ เรี่ยไรเงินจากโรงพยาบาลในเขตตรวจราชการที่ 6 รวม 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และจังหวัดพัทลุง บริจาคเงินรวม 3,601,020 บาท เพื่อซื้อรถตู้โฟล์คสวาเกน ให้รัฐมนตรีไว้ใช้งานในระหว่างลงพื้นที่ ในช่วงกลางเดือน มิ.ย.57ที่ผ่านมา พร้อมส่งเรื่องให้ทางกระทรวงสาธารณสุขลงโทษวินัยร้ายแรงตามมติ ป.ป.ช.
ขณะที่ที่ประชุม อ.ก.พ.กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้นำผลการสอบสวนกรณีนี้ เข้าสู่การพิจารณาและมีมติสั่งลงโทษทางวินัยกับนายแพทย์จักรกฤษณ์ ภูมิสวัสดิ์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข ตามผลการสอบสวนของ ป.ป.ช.ไปแล้ว ในช่วงกลางเดือน ก.ย.57 ที่ผ่านมา แต่ยังไม่ได้สั่งลงโทษ นายแพทย์จักรกฤษณ์ เป็นทางการ เนื่องจากได้รับแจ้งจากนายแพทย์จักรกฤษณ์ ว่าได้ทำหนังสือขออุทธรณ์ผลการสอบสวนคดีนี้ไปยัง ป.ป.ช. อีกครั้ง จึงต้องรอผลการพิจารณาของทางป.ป.ช.ก่อนว่าจะออกมาอย่างไร นั้น
(อ่านประกอบ : เผยมติ"อ.ก.พ.สธ."สั่งเชือด"นพ.จักรกฤษณ์"คดีเรี่ยไร3.6ล.ซื้อรถตู้ให้รมต.ใช้)
ล่าสุด เมื่อวันที่ 22 ก.พ.58 นายวชิระ เพ็งจันทร์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ยืนยันสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ว่า ป.ป.ช. ได้แจ้งผลการพิจารณาคำอทธรณ์ของ นายแพทย์จักรกฤษณ์ มาให้ สธ.รับทราบเป็นทางการแล้ว เมื่อประมาณ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ระบุว่า ไม่รับคำอุทธรณ์
"ภายหลังจากที่ ป.ป.ช. ได้ส่งคำยื่นยันไม่รับคำอทธรณ์ของ นายแพทย์จักรกฤษณ์ มาให้แล้ว ฝ่ายเลขานุการ อ.ก.พ.สธ. ได้นำเรื่องเข้าที่ประชุมเพื่อพิจารณาไปแล้ว คาดว่า ผลคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากมติที่ประชุม อ.ก.พ.สธ.มากนัก เพราะมติครั้งแรกออกมาแล้วว่า ให้ลงโทษทางวินัยกับอดีตหัวหน้าผู้ตรวจราชการ ตามผลการสอบสวนของ ป.ป.ช. เพียงแต่ยังไม่ได้มีคำสั่งลงโทษเป็นทางการ เพราะรอฟังผลการพิจารณาคำอุทธรณ์เท่านั้น" นายวชิระระบุว่า
รายงานข่าวจาก ป.ป.ช. แจ้งว่า ขณะนี้ ป.ป.ช.ได้ส่งสำนวนคดีนายแพทย์จักรกฤษณ์ ไปให้ทางสำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อส่งฟ้องคดีอาญา และทางอัยการสูงสุด (อสส.)มีคำสั่งฟ้องคดีแล้ว อยู่ระหว่างดำเนินการแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาไปรายงานตัวต่อพนักงานอัยการที่สำนักงานอัยการจังหวัดนนทบุรี
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรารายงาน ว่า สำหรับคดีนี้ ป.ป.ช.ได้ระบุข้อกล่าวว่า การกระทำของนายแพทย์จักรกฤษณ์ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการ ปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยทุจริต ฐานกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ มติของคณะรัฐมนตรี นโยบายของรัฐบาลและไม่ปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนของทางราชการ อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง และฐานอาศัยหรือยอมให้ผู้อื่นอาศัยตำแหน่งหน้าที่ราชการของตนหาประโยชน์ให้แก่ตนเองหรือผู้อื่น อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 มาตรา 85(1),(4) มาตรา 85(7) ประกอบมาตรา 82(2) และมาตรา 85(7) ประกอบมาตรา 83 (3) และมีมูลความผิดอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น และฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 และมาตรา 157
ส่วนนางอัญชลี ภุมมา ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ให้กันตัวไว้เป็นพยาน ตามประกาศคณะกรรมการ ป.ป.ช. เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการกันบุคคลหรือผู้ถูกกล่าวหาไว้เป็นพยานโดยไม่ดำเนินคดี พ.ศ.2554
ขณะที่ นายแพทย์จักรกฤษณ์ เคยพิมพ์ข้อความจดหมายเปิดผนึกชี้แจงไปยังเพื่อนข้าราชการในกระทรวงสาธารณสุข เกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยระบุว่า
"ก่อนอื่นต้องขอบคุณเพื่อนๆพี่ๆน้องๆที่ให้กำลังใจครับ ผมขออนุญาตชี้แจงข้อมูลเพื่อเป็นข้อคิดและแนวทางการปฏิบัติงานของพวกเราต่อไปครับ ป.ป.ช. โดยมติกรรมการชี้มูลกรณี ผมในฐานะสธน.ปฏิบัติหน้าที่ผู้ตรวจเขต6ตอนนั้น
มีข้อน่าสังเกตุคือ การชี้มูลของปปช.มีจุดแตกต่างจากคดีอื่นที่เคยชี้มูลคือได้กันผู้ถูกกล่าวหาซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและเป็นผู้ดำเนินการทั้งหมดโดยตรงมาเป็นพยานและป.ป.ช.ให้ความเชื่อถือพยานปากนี้เป็นอย่างมาก
ทั้งที่มิได้สืบความน่าเชื่อถือว่าเคยมีพฤติกรรมอย่างไรในการทำงานบ้าง การให้การดังกล่าวทำให้การจัดหารถตู้สมรรถนะดีไว้ประจำเขต เพื่อใช้ในราชการของเขตและใช้เงินนอกงบประมาณ(สวัสดิการ) ของแต่ละโรงพยาบาลกลายเป็นเรื่องประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงและถูกชี้มูลตาม ม148,157
ดุลยพินิจปกติรถคันนี้ใช้ในราชการมาตลอดปัจจุบันก็ยังเป็นของราชการ การได้มาเพื่อใช้ในราชการกลายเป็นการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง???
มีคนถามผมว่าเกี่ยวข้องกับคดีที่ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งตกเป็นจำเลยผมในศาลหรือไม่ผมไม่ทราบจริงๆแต่คิดว่าสุดท้ายความยุติธรรมจะยังคงอยู่ในประเทศครับ รับราชการอย่างตั้งใจมา 36ปี ต้องข้อหาประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงเพราะหาของให้ราชการใช้!!!???
ผมคงดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อขอความเป็นธรรมต่อไปจากทั้งอ.ก.พ.กระทรวงและองค์กรที่เกี่ยวข้องครับซึ่งผลสรุปคงไม่นานเกินรอ ขอบคุณครับ"
#เชิญชวนติดตามข่าวสารสำนักข่าวอิศรา ได้ด้วยการกด "Like" ที่ แฟนเพจ "I love isranews"
อ่านประกอบ :
สั่งฟันวินัยร้ายแรง"หน.ผู้ตรวจสธ."เรี่ยไร 3.6 ล.ซื้อรถตู้ให้รมต.ลงพื้นที่ ,
เผยมติ"อ.ก.พ.สธ."สั่งเชือด"นพ.จักรกฤษณ์"คดีเรี่ยไร3.6ล.ซื้อรถตู้ให้รมต.ใช้
ย้อนผลสอบคดีเรี่ยไรเงินซื้อรถให้"รมต."ใช้-หมอจักรกฤษณ์ โวยถูกป้ายสี
"วิทยา"ยันไม่เคยสั่ง "นพ.จักรกฤษณ์" ซื้อรถตู้ให้นั่ง แลกตำแหน่งผู้ตรวจฯ