พรั่งพรูสารพัดปัญหา ต้นเหตุทำไมต้องปฏิรูปตำรวจสอบสวน
“พนักงานสอบสวนทั่วประเทศอยู่ในสภาพเสียขวัญ ไม่มีกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ ส่วนใหญ่ทำงานกันแบบซังกะตายไปวันๆ และหาทางหนีงานสอบสวนกันตลอดเวลาเหมือนทหารหนีทัพ แม้จะมียศและค่าตอบแทนเพิ่ม แต่ทุกวันนี้พนักงานสอบสวนกลายเป็นตำรวจที่ไม่มีเกียรติและศักดิ์ศรี”
เมื่อเร็วๆ นี้ มูลนิธิเอเชียจัดงานเสวนา Let’s Talk It over, Episode 4:ตำรวจสอบสวน...ปฏิรูปให้ถึงใจประชาชน ณ ห้อง The Cellar โรงแรมดุสิตธานี
พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการปฏิรูประบบตำรวจ สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวถึงสภาพปัญหาการสอบสวนคดีอาญาในความรับผิดชอบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติอยู่ในภาวะวิกฤติร้ายแรง เนื่องจากประชาชนไม่เชื่อถือและไม่เชื่อมั่นว่า การสอบสวนเป็นไปอย่างสุจริตและมีประสิทธิภาพ รวมถึงมีการปฏิบัติในการสอบสวนที่แตกต่างกันระหว่างผู้เสียหายและผู้ต้องหาที่เป็นคนยากจนกับคนร่ำรวยหรือมีอำนาจ
นอกจากนี้ พนักงานสอบสวนทั่วประเทศประมาณ 11,000 คน ไม่มีขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ เพราะไม่ได้รับการสนับสนุนในการปฏิบัติงานให้มีขีดความสามารถในการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานอย่างครบถ้วน
ขณะที่สถานีตำรวจในนครบาลไม่มีพนักงานขับรถไปตรวจที่เกิดเหตุ ค่าใช้จ่าย และอุปกรณ์การทำงานแม้กระทั่งกระดาษก็ไม่มีให้เบิกใช้ ไม่สามารถใช้ดุลยพินิจในการทำงานตามข้อเท็จจริงและกฎหมายได้ นี่จึงเป็นสาเหตุให้การสอบสวนไม่มีความยุติธรรม
พ.ต.อ.วิรุตม์ กล่าวถึงการสอบสวนที่ไม่ได้เป็นไปอย่างสุจริตและมีประสิทธิภาพนั้น ได้ส่งผลต่อระบบการบังคับใช้กฎหมายของประเทศทั้งระบบ เพราะหน่วยงานอื่นไม่มีอำนาจสอบสวนต้องแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติทั้งสิ้น
"ผู้กระทำผิดไม่ถูกฟ้องคดี ศาลไม่มีคดีให้พิพากษา สั่นคลอนการปกครองระบอบประชาธิปไตยอย่างร้ายแรง" พ.ต.อ.วิรุตม์ กล่าว และเห็นว่า การแก้ปัญหาเชิงระบบนี้ไม่สามารถกระทำได้ภายใต้โครงสร้างตำรวจแห่งชาติ แม้จะมีการพัฒนาหรือจัดรูปแบบใหม่ก็ตาม เพราะพนักงานสอบสวนทุกคนยังอยู่ภายใต้ระบบยศและวินัยแบบทหาร มีระเบียบ และคำสั่งเกี่ยวกับการสอบสวนมากมาย สอบสวนไม่ผิดกฎหมายแต่ผิดระเบียบ
“ในความเห็นส่วนตัว ทางพฤตินัยผู้บังคับบัญชาสามารถใช้อำนาจสั่งการให้ทำการสอบสวนโดยมิชอบได้ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างหลักฐานเท็จเพื่อกลั่นแกล้ง แจ้งข้อหา หรือสอบสวนทำลายพยานหลักฐานเป็นสำนวนไม่รู้ตัวผู้กระทำผิดเสนออัยการสั่งงดสอบสวน หรือแม้กระทั่งบิดเบือนพยานหลักฐานช่วยผู้กระทำผิดทางอาญาให้สั่งไม่ฟ้อง
ดังนั้นวันนี้พนักงานสอบสวนทั่วประเทศอยู่ในสภาพเสียขวัญ ไม่มีกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ ส่วนใหญ่ทำงานกันแบบซังกะตายไปวันๆ และหาทางหนีงานสอบสวนกันตลอดเวลา เหมือนทหารหนีทัพ แม้จะมียศและค่าตอบแทนเพิ่ม"
พ.ต.อ.วิรุตม์ แสดงความเห็นด้วยว่า ทุกวันนี้พนักงานสอบสวนกลายเป็นตำรวจที่ไม่มีเกียรติและศักดิ์ศรี มียศพันตำรวจเอกเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ แต่ถูกจัดเข้าเวรสอบสวนติดสายแดงสลับกับร้อยตำรวจตรีเช่นที่จังหวัดพิษณุโลกที่กำลังมีเรื่องร้องเรียนอยู่ขณะนี้
" ตำรวจระดับบริหารไม่เข้าใจสภาพปัญหางานสอบสวนปัจจุบัน หัวหน้าสถานีตำรวจไม่ได้เป็นพนักงานสอบสวนมาก่อน สายงานสอบสวนในสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่มีความเจริญก้าวหน้าในอาชีพตำรวจทัดเทียมสายงานอื่น ไม่ได้รับการพิจารณาความชอบสองขั้น เป็นพันตำรวจเอกแต่ไม่มีอำนาจขอขั้นเงินเดือนให้ตำรวจคนใดในสถานีได้ และแม้ทำงานในพื้นที่นานแค่ไหนก็เติบโตเป็นผู้กำกับสถานีไม่ได้ ทั้งที่เป็นสายงานหลักของตำรวจ มีปัญหาถูกกลั่นแกล้งในการสอบเลื่อนตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิจนต้องรวมตัวกัน150 คน ฟ้องศาลปกครองในขณะนี้"
ส่วนเหตุจำเป็นที่ต้องมีการปฏิรูปตำรวจสอบสวนนั้น พ.ต.อ.วิรุตม์ กล่าวว่า เพื่อให้การสอบสวนคดีอาญาของประเทศเป็นไปอย่างสุจริตและมีประสิทธิภาพ เช่นเดียวกับประเทศที่เจริญแล้วทั่วโลก เป็นพื้นฐานการปกครองระบอบประชาธิปไตย อีกทั้งยังเป็นการสร้างหลักประกันให้ประชาชนเชื่อมั่นในระบบการสอบสวนคดีอาญานำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษตามกฎหมาย สังคมเกิดความสงบสุข
พร้อมกันนี้ยังทั้งเสนอให้คณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ในหมวดกระบวนการยุติธรรมโดยให้การสอบสวนคดีอาญาเป็นกระบวนการยุติธรรมขั้นต้นของประเทศ ที่พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบมีอิสระในการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย เพื่อพิสูจน์การกระทำผิดหรือความบริสุทธิ์ของผู้ถูกกล่าวหา และกำหนดให้มีคณะกรรมการสอบสวนคดีอาญาแห่งชาติ
“ผมเชื่อว่า หากแยกพนักงานสอบสวนออกมาเป็นองค์กรอิสระ ไม่สังกัดในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะทำให้การทำงานเป็นไปอย่างอิสระสามารถใช้ดุลยพินิจในการทำงานได้เต็มที่โดยไม่ต้องสนใจผู้บังคับบัญชาว่าจะมาสั่งอะไรหรือไม่” พ.ต.อ.วิรุตม์ กล่าว และเชื่อว่า การทำงานที่เป็นอิสระจะนำมาซึ่งความโปร่งใสและส่งผลให้การสอบสวนมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ด้านพ.ต.อ.กีรติ ตรีวัย พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สภ.บางกล่ำ จ.สงขลา ยอมรับว่าปัญหาที่ผ่านมาของพนักงานสอบสวน คือ พนักงานสอบสวนทำงานคนเดียวไม่มีผู้ช่วย ขาดเครื่องมือในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นยานพาหนะที่ใช้ลงตรวจพื้นที่ อุปกรณ์เครื่องใช้สำนักงานต่างๆ มิหนำซ้ำยังถูกแทรกแซงจากฝ่ายบริหาร
"ปัญหาเหล่านี้ทำให้คนหนีออกจากสายงานสอบสวน จากปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบให้การทำงานเป็นไปอย่างล่าช้า ประชาชนถูกเลือกปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียมกัน" พ.ต.อ.กีรติ กล่าว และว่า ดังนั้นหากโครงสร้างการปฏิรูปตำรวจสอบสวนอยู่นอกโครงสร้างของสตช. สิ่งสำคัญคือเราจะไม่ถูกแทรกแซงจากฝ่ายบริหาร สุดท้ายจะส่งผลให้ประชาชนได้รับความเป็นธรรม มีการตรวจสอบถ่วงดุลระหว่างชุดจับกุมกับการสอบสวน
ขอบคุณภาพจากเว็บไซต์ทีนิวส์