ผู้ว่าฯเฉย! ร้อง“ประยุทธ์”บี้นายกฯท่าช้าง-โคราชพ้นเก้าอี้ปมเบิกค่ารักษาเท็จ
ร้อง คสช. บี้สอบอดีตนายกเทศมนตรีท่าช้าง-โคราช ปมเบิกค่ารักษาพยาบาลให้ “สามีเก่า” พ้นเก้าอี้ หลังศาลพิพากษาผิด กม.อาญา 157-162 (4) ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ-ทุจริต ชงเรื่องให้แล้วแต่ “ผู้ว่าฯ” ยังเฉย ท้องถิ่นจังหวัดยันอยู่ระหว่างหารือ-แจ้งความคืบหน้าตลอด
เมื่อเร็ว ๆ นี้ มีผู้เข้าร้องเรียนต่อ สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ว่า ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อนายกรัฐมนตรี ให้ตรวจสอบอำนาจหน้าที่ของ นายกเทศมนตีตำบลท่าช้าง อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครราชสีมา กรณี ถูกศาลตัดสินว่า มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157,162 (4) แต่ปัจจุบันผู้ว่าฯยังไม่ดำเนินการมีคำสั่งให้ นายกเทศมนตรีฯ พ้นจากตำแหน่งแต่อย่างใด
ทั้งนี้ หนังสือร้องเรียนแนบคำพิพากษาระบุว่า เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2558 ศาลจังหวัดนครราชสีมา ได้มีคำพิพากษาในคดีอาญา เรื่อง ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ โดยจำเลยหรือ นางจุรีพร เศวตอมรกุล ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลท่าช้าง อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครราชสีมา เป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย
โดยจำเลยยื่นใบเบิกสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลของพนักงานส่วนท้องถิ่น ต่อเจ้าหน้าที่การเงินของเทศบาล ตำบลท่าช้าง เพื่อขอเบิกค่ารักษาพยาบาลโรงพยาบาลเอกชนของ นายราชัน เศวตอมรกุล คู่สมรส เป็นเงิน 5,293 บาท โดยแนบใบสำคัญสมรสมาเป็นหลักฐาน
แต่ภายหลังพบว่านายราชัน ได้จดทะเบียนหย่ากับจำเลยตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2549 จำเลยจึงไม่มีสิทธิเบิกเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลของนายราชัน
ต่อมาในระหว่างวันที่ 6-12 มิถุนายน 2550 จำเลยได้ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริต โดยจำเลยในฐานะนายกเทศมนตรีตำบลท่าช้าง มีอำนาจหน้าที่ในการอนุมัติการเบิกเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลของพนักงานส่วนท้องถิ่นของเทศบาลตำบลท่าช้าง ได้ลงนามอนุมัติให้เบิกเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล ที่ตนยื่นใบเบิกเงินจากธนาคารแล้ว แล้วจำเลยรับเช็คของเทศบาลตำบลท่าช้างแล้วสั่งจ่ายเงินแก่จำเลย 5,293 บาท นำเงินไปเบิกจากธนาคารแล้ว โดยจำเลยทราบอยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิเบิกเงินดังกล่าว
ทั้งนี้ศาลจึงพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157,162 (4) การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต แต่เนื่องจากจำเลยไม่เคยรับโทษจำคุกมาก่อน เห็นควรให้โอกาสจำเลยกลับตนเป็นพลเมืองดี โทษจำคุกจึงให้รอลงอาญาไว้ โดยมีกำหนด 2 ปี ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา โดยคดีนี้ถึงที่สิ้นสุดเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2556
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในปัจจุบันยังไม่มีการดำเนินคดีใด ๆ ทำให้ผู้กระทำผิดยังคงได้ประโยชน์และคงอยู่ในตำแหน่งมาจนถึงปัจจุบัน จึงได้มีการส่งเรื่องร้องเรียนไปที่ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อให้ตรวจสอบอำนาจหน้าที่ของนายกเทศมนตรีตำบลท่าช้าง อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครราชสีมา เมื่อทางปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้รับเรื่องจาก คสช. จึงได้ประสานงานไปยังสำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น จ.นครราชสีมา เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป
หลังจากที่ได้รับการประสานจากสำนักนายกฯ สำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นได้ส่งเรื่องร้องเรียนดังกล่าวให้ผู้ว่าราชการ จ.นครราชสีมาตรวจสอบข้อเท็จจริงและพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่แล้ว จะแจ้งผลให้ทราบ ลงวันที่ 7 กรกฎาคม 2557 และมีการตามผลจากผู้ว่าฯอีกครั้งในเดือนกันยายน 2557 แต่จนถึงขณะนี้กลับยังไม่มีข้อยุติจากเรื่องดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวได้ทำการติดต่อไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา แต่ทางเลขาฯของผู้ว่าอ้างว่าให้ติดต่อไปสำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น จ.นครราชสีมา แทนเนื่องจากมีข้อมูลมากกว่า จึงได้ทำการติดต่อไปและได้คำตอบว่า ขณะนี้กำลังหารือเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวอยู่ และมีการแจ้งให้ผู้ร้องทราบถึงความคืบหน้าอยู่ตลอด
ล่าสุด จากการตรวจสอบในเว็บไซต์เทศบาลตำบลท่าช้าง พบว่า ยังมีการระบุชื่อของนางจุรีพร เป็นนายกเทศมนตรีอยู่
หมายเหตุ : ภาพประกอบ พล.อ.ประยุทธ์ จาก thaipost