นักวิชาการแนะ “อบรมพ่อแม่-ครู” 3-4 ด.ก่อนแจกแท็ปเล็ตเด็ก
ผอ.สำนักสุขภาพจิต ระบุ อันตรายหากแจกเทคโนโลยีให้เด็กขณะที่พ่อแม่-ครูไม่พร้อม นักยุทธศาสตร์สาธารณสุขชี้ 1 ปีต้องประเมินนโยบายแท็ปเล็ต ถ้าผลเสียมากก็เลิกไป ผู้บริหารที่ดีไม่ต้องกลัวเสียหน้า
พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวถึงนโยบายการแจกแท็บเล็ตให้กับเด็กอายุ 7 ขวบของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยว่า ปัจจุบันวิวัฒนาการทางเทคโนโลยีก้าวหน้ารวดเร็ว การส่งเสริมให้เด็กเข้าถึงและเรียนรู้ช่วยทำให้เด็กตามทันโลก แต่ผู้ที่อยู่ใกล้ชิดเด็กควรที่จะคัดกรองเรื่องประโยชน์ที่เด็กจะได้รับและภัยที่อาจจะเกิดขึ้นกับเด็ก ดังนั้นในการใช้งานหากพ่อแม่อยู่ข้างๆลูกคอยแนะนำอาจเป็นการส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ให้กับลูก ถ้าพ่อแม่ไม่ได้ดูแลเด็กก็จะถูกสื่อหรือเทคโนโลยีล่อลวงไปในทางที่ไม่ดี
ผอ.สำนักพัฒนาสุขภาพจิต กล่าวอีกว่า หากพ่อแม่มีความพร้อม การแจกแท็บเล็ตจะเกิดประโยชน์ แต่หากพ่อแม่และโรงเรียนไม่มีความพร้อมควรที่จะเร่งพัฒนาก่อนที่จะแจกเทคโนโลยีให้เด็กใช้งาน ทั้งนี้นโยบายการแจกแท็บเล็ตควรที่จะมีการวิเคราะห์เชิงลึกถึงไอคิวและอีคิวของผู้ปกครองด้วย เพราะการรับสื่อของเด็กวัย 7 ขวบนั้นจำเป็นต้องพึ่งพาคำแนะนำ ไม่เช่นนั้นการเสพสื่อก็จะเป็นไปแบบล่องลอย โอกาสที่จะรับสื่อที่ไม่เหมาะสมก็มีมาก
ด้าน นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สป.สธ.) กล่าวว่ารัฐบาลไม่ควรซื้อแท็บเล็ตแจกเด็กทันที จะเกิดอันตรายมากกว่าประโยชน์ แต่ควรอบรมหรือให้ความรู้พ่อแม่และครูถึงแนวทางการใช้แท็บเล็ตให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับเด็ก และการรับมืออันตรายและป้องกันภัยที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างน้อย 4-5 เดือน เพื่อให้ทุกคนเข้าใจถึงเรื่องที่อาจเกิดขึ้น
“เมื่อรัฐบาลแจกแท็บเล็ตให้เด็กไปใช้งานแล้ว 1 ปี ควรประเมินผลอย่างจริงจัง ถ้าพบว่ามีผลเสียมากกว่าผลดีก็ควรยกเลิกนโยบายนี้ ไม่ต้องกลัวเสียหน้า เพราะอย่างน้อยก็ได้ทำตามสิ่งที่หาเสียงแล้ว เพียงแต่เด็กได้รับผลเสียมากกว่า ก็มีเหตุผลมากพอที่จะเลิก หากผู้บริหารประเทศเห็นด้วยเช่นนี้ ประเทศก็จะได้ประโยชน์จากนโยบายต่างๆอย่างแท้จริง” นพ.ศุภกิจกล่าว .
ที่มาภาพ : http://www.chaoprayanews.com/2011/09/02 /ขอ-“คัดค้าน”นโยบายแจก-แ/