“เทียนฉาย”ลั่นยุบป.ป.ช.ไม่ได้! ใครจะดูทุจริต-ชี้จุดอ่อนคือประสิทธิภาพ
“เทียนฉาย” ดอดพบ กก.ป.ป.ช. หารือวางกรอบปฏิรูป ลั่นยุบ ป.ป.ช. ไม่ได้ แล้วใครจะดูเรื่องทุจริต ชี้จุดอ่อนคือประสิทธิภาพ แย้มรองรับองค์กรใหม่เตรียมผุดขึ้นมา ต้องปรับท่าทีให้กระชับมากขึ้น ขีดเส้นเปลี่ยนแปลงให้เสร็จในเดือน เม.ย.นี้
เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2558 นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ในฐานะกรรมการตรวจสอบติดตามและประเมินผล (คตป.) กล่าวภายหลังเข้าประชุมร่วมกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า ได้ฝากถึงข้อสำคัญในการพิจารณาปรับเปลี่ยนหรือเปลี่ยนแปลงทั้งองค์กร รวมไปถึงโครงสร้างอำนาจหน้าที่ในช่วงเวลานี้ เนื่องจากต้องทำให้เข้ากับ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฉบับใหม่ ส่วนจะมีการเปลี่ยนแปลงมากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับ ป.ป.ช. เป็นคนดำเนินการ โดยเฉพาะในแง่ของการทำงาน ส่วนรายละเอียดในการเปลี่ยนแปลงนั้น เป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช. จะต้องทำต่อไป
ส่วนความกังวลของหลายฝ่ายที่มีการยุบ ป.ป.ช. นายเทียนฉาย กล่าวว่า คงเป็นไปไม่ได้ ถ้ายุบแล้วใครจะดูแลเรื่องทุจริต เพียงแต่ต้องมีการปรับอำนาจหน้าที่ เพราะบางส่วนต้องประสานกับอีกหลายหน่วยงาน ทั้งหน่วยงานที่มีการปรับเปลี่ยนองค์กร และหน่วยงานที่กำลังจะเกิดขึ้นใหม่ ทั้งนี้ไม่ได้มีหน้าที่ให้แนวทาง เพียงแต่มาหารือเท่านั้น
“เบื้องต้นได้ให้กรอบดำเนินงานไว้ภายในเดือนเมษายนนี้ โดยในส่วนของหลักการมี 3 ข้อคือ ตรวจสอบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน การป้องกันและส่งเสริมไม่ให้เกิดการทุจริต และการปราบปรามการทุจริต พวกนี้ต้องเสร็จก่อน และจะทำอย่างไรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากระยะเวลามีจำกัด” นายเทียนฉาย กล่าว
เมื่อถามว่า จุดอ่อนของ ป.ป.ช. ที่เห็นอยู่ในขณะนี้คืออะไร นายเทียนฉาย กล่าวว่า คือประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นตัวสำคัญที่สุดที่ต้องเร่ง เพราะในวันข้างหน้าเชื่อว่าอะไร ๆ คงจะกระชับมากขึ้น เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ป.ป.ช. ก็น่าจะต้องปรับท่าทีรวมทั้งวิธีการทำงาน ขณะเดียวกันก็มีองค์กรใหม่ ๆ เกิดขึ้นมา จึงต้องเตรียมประสานงาน และทำให้มันราบรื่น
เมื่อถามว่า ขณะนี้การทำงานของ ป.ป.ช. ดูอุ้ยอ้ายเกินไปหรือไม่ นายเทียนฉาย กล่าวว่า คงไม่ใช่ ต้องมาดูในรายละเอียด
ขณะที่นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า นายเทียนฉายเข้ามาดูแนวคิดการทำงานของ ป.ป.ช. ว่าเป็นอย่างไร ทั้งนี้เป็นเพียงข้อเสนอและหารือกันเท่านั้น ส่วนรายละเอียดยังไม่ชัดเจน ต้องรอให้กรรมการ ป.ป.ช. คุยกันอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งประเด็นหลักที่คุยจะเป็นการปฏิรูป 2 ส่วน คือ การอนุวัฒน์กฎหมายตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการป้องกันการทุจริต (UNCAC) ที่ประเทศไทยจะต้องทำอย่างจริงจัง และแก้ไขกฎหมายนี้ อีกส่วนคือการเพิ่มประสิทธิภาพ หากเราไม่ได้เสนอตอนนี้ ก็ต้องเสนอตอนฉบับที่แก้ไข ซึ่ง ป.ป.ช. มองว่า เป็นอุปสรรค และชะลอประสิทธิภาพ