“ปานเทพ”เห็นด้วยแนวทาง“ป๋าเปรม”ตั้งศาลฉ้อราษฎร์ฯพิพากษาคดีทุจริต
“ปานเทพ” เห็นด้วยตามแนวทาง “พล.อ.เปรม” ตั้งศาลฉ้อราษฎร์บังหลวง พิพากษาคดีทุจริตอย่างเดียว ชี้ทำให้รวดเร็วขึ้น เหตุมีลักษณะชำนาญการพิเศษ สอดรับกับ “บวรศักดิ์” แนะตั้งศาลแผนคดีวินัยการคลังและการงบประมาณ
นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจิตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ แนะนำให้มีการตั้งศาลฉ้อราษฎร์บังหลวง เพื่อนำคดีเกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชั่นไปพิจารณาโดยเร็วว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องดี เพราะปัจจุบันมีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอยู่แล้ว ส่วนคดีทุจริตประพฤติมิชอบก็น่าจะมีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาเจ้าหน้าที่รัฐขึ้นมา โดยมีลักษณะเป็นศาลเดี่ยว พิจารณาคดีทุจริตโดยตรง จะได้ทำคดีได้รวดเร็วขึ้น
นายปานเทพ กล่าวอีกว่า ขระนี้หากข้าราชการทั่วไปประทำผิดอาญาต้องถูกนำสำนวนคดีส่งศาลตามขั้นตอน ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกา ซึ่งปกติก็มีคดีอื่น ๆ ให้พิจารณาอยู่แล้วจำนวนมาก หากมีศาลที่พิจารณาคดีทุจริตคอร์รัปชั่นขึ้นมาเป็นการเฉพาะก็จะดี ช่วยลดขั้นตอน พิจารณาคดีได้รวดเร็วขึ้น เพราะเป็นศาลในลักษณะชำนาญการพิเศษ เหมือนศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่มีอยู่ในปัจจุบัน และยังสอดรับกับที่นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ แนะให้มีศาลแผนกคดีวินัยการคลังและการงบประมาณขึ้นมาด้วย
“ที่สำคัญ คือกระบวนการ ขั้นตอนพิจารณาคดีก่อนถึงศาล จะต้องพิจารณาให้รวดเร็ว อย่าง ป.ป.ช. ก็ต้องทำงานเร็ว รับเฉพาะคดีใหญ่ ๆ มีความเสียหายต่องบประมาณจำนวนมากๆ จะทำให้การปราบปรามทำได้รวดเร็ว คนมีความเกรงกลัว ไม่กล้าทุจริต ส่วนคดีเล็ก มีความเสียหายน้อยลงมา ก็ส่งไปให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ กระทรวงยุติธรรม (ป.ป.ท.) ได้แบ่งเบาไปดำเนินการ แต่ขั้นตอนการทำงานของ ป.ป.ช. เองจะต้องได้รับการปรับปรุงให้มีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น” นายปานเทพ กล่าว