“วิชา”ปลุกจิตสำนึกพลังอาชีวะ ปราบทุจริตขับเคลื่อนชาติ!
“…มีความเป็นห่วงเยาวชนที่ต้องรับช่วงงานต่อจากผู้ใหญ่ และขาดแคลนกำลังสำคัญในด้านอาชีวศึกษา ซึ่งถือเป็นพลังสำคัญที่สุดในการขับเคลื่อนประเทศชาติ ต้องปฏิบัติหน้าที่จริง ๆ สัมผัสจริง แต่ประเทศไทยมุ่งไปทางปริญญามาก โดยลืมไปว่าบุคลากรที่มีความจำเป็นในการปฏิบัติงานส่วนใหญ่มาจากอาชีวะ…”
นายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวตอนหนึ่งในการสัมมนาตามโครงการสร้างเครือข่ายเยาวชนอาชีวะศึกษาจิตอาสาเพื่อสังคมตอนหนึ่งว่า จุดประสงค์ของโครงการนี้เพื่อที่จะปลูกจิตสำนึกให้กับนักศึกษาในระดับอาชีวศึกษาในการปราบปรามการทุจริต และเผยแพร่ภารกิจของ ป.ป.ช. เพื่อให้นักศึกษามีความรู้ความเข้าใจ และมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมจิตอาสาเพื่อสังคม และตระหนักถึงการปราบปรามการทุจริต
นายวิชา กล่าวอีกว่า การขับเคลื่อนยุทศาสตร์ชาติ โดยระบบการศึกษา ป.ป.ช. ได้ทำข้อตกลงร่วมกับกระทรวงศึกษาที่มีส่วนสำคัญในการผลักดันอาชีวศึกษา มีความเป็นห่วงเยาวชนที่ต้องรับช่วงงานต่อจากผู้ใหญ่ และขาดแคลนกำลังสำคัญในด้านอาชีวศึกษา ซึ่งถือเป็นพลังสำคัญที่สุดในการขับเคลื่อนประเทศชาติ ต้องปฏิบัติหน้าที่จริง ๆ สัมผัสจริง แต่ประเทศไทยมุ่งไปทางปริญญามาก โดยลืมไปว่าบุคลากรที่มีความจำเป็นในการปฏิบัติงานส่วนใหญ่มาจากอาชีวะ และสิ่งที่ต้องการที่สุดคือเอาความคิดและเทคโนโลยีของจีนมาใช้ โดยที่คนของเราต้องเรียนรู้ไปด้วย
“คนที่ควบคุมงานก็มาจากอาชีวะ เป็นคนที่สัมผัสและสั่งงานลูกน้องได้จริงๆ คนที่จะเรียนสูงขึ้นได้ก็ต้องฝึกฝนในด้านวิชาชีพ แต่ปัญหาในตอนนี้คือขาดคนรู้ทักษะในการทำงาน เนื่องจากอาชีวะเป็นพลังสำคัญที่กำหนดชะตาของประเทศ”
กรรมการ ป.ป.ช. กล่าวด้วยว่า อีกเรื่องที่น่าเป็นห่วงคือการมีจิตเมตตามีการช่วยเหลือเกื้อกูลกันเพื่อให้สังคมมีความเจริญก้าวหน้า แต่ไม่ใช่ช่วยเหลือในทางที่ผิด โดยทางอาชีวะ เห็นด้วยกับการที่จะส่งเด็ก ๆ ลงไปปฏิบัติงานในชุมชมบริเวณใกล้เคียงโรงเรียนในช่วงเทศกาล เช่น สงกรานต์ แต่ไม่อยากให้มีเฉพาะเทศกาล เพื่อให้เห็นว่าชุมชนต้องการพึ่งพาอาศัยความรู้ความสามารถของเด็ก และเพื่อให้เกิดความสามัคคี โดยเฉพาะเพื่อให้หน่วยงานต่าง ๆ จะมาให้การสนับสนุนชุมชนนั้น ๆ
“เมืองนอกถือว่าโครงการจิตอาสานั้นเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะคนที่มีปัญหา เขาจะแก้ด้วยการมีจิตอาสา เพื่อเป็นการเยียวยาให้เห็นว่ามีคนที่เดือดร้อนอีกมาก อาจจะไม่จำเป็นต้องทำเป็นกลุ่ม แต่การที่ทำเป็นกลุ่มก็เพื่อให้เกิดความสามัคคี ต้องมีจิตที่จะให้บริการผู้อื่น ต้องร่วมมือกันเพื่อให้ประเทศชาติเจริญก้าวหน้า”