ป.ป.ช.เผยเหลือเอกชนหลายหมื่นแห่งยังไม่ยื่นบัญชีรับ-จ่ายต่อสรรพากร
ป.ป.ช. ไล่บี้เอกชนยังไม่ยื่นบัญชีรายรับ-จ่ายตามแบบ บช.1 ต่อสรรพากร ฮือฮาเหลืออีกหลายหมื่นแห่ง ชี้ไม่รีบทำโดยเร็วระวังจะขาดจากคู่สัญญารัฐ
นายภักดี โพธิศิริ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีมีบุคคล-นิติบุคคลคู่สัญญารัฐหลายแห่งที่ยังไม่ยื่นบัญชีแสดงรายรับรายจ่าย (บช.1) ต่อกรมสรรพากรว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ายังมีคู่สัญญารัฐไม่ดำเนินการยื่นแบบ(บช.1)ดังกล่าว อยู่จำนวนสูงถึงหลายหมื่นบัญชีด้วยกัน ดังนั้นจึงขอแจ้งเตือนว่าหากบุคคลหรือนิติบุคคลที่เป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐผู้ใดยังไม่ยื่นแบบบัญชี บช.1 หรือยื่นยังไม่ถูกต้องครบถ้วนตามจำนวนของสัญญาอาจเป็นเหตุให้ขาดคุณสมบัติการเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานรัฐได้ จึงขอให้บุคคลหรือนิติบุคคลดังกล่าวดำเนินการให้ถูกต้องครบถ้วนโดยเร็ว
นายภักดี กล่าวด้วยว่า ที่มาการเป็นคู่สัญญารัฐมีการกระทำในลักษณะการทุจริตแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบจากโครงการของรัฐ ซึ่งบุคคลหรือนิติบุคคลที่เข้ามาเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐอาจนำเงินซึ่งได้รับจากการเป็นคู่สัญญาดังกล่าวไปดำเนินการในทางที่ไม่ชอบ เช่น จ่ายเพื่อให้มีการสมยอมในการเสนอราคาเพื่อไม่ให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เป็นต้น การจ่ายเงินลักษณะเช่นนี้เป็นผลให้ภาระต้นทุนในการดำเนินการโครงการของรัฐเพิ่มสูงขึ้น และแสวงหาประโยชน์จากงบประมาณแผ่นดินซึ่งเกิดความเสียหายต่อประเทศชาติ ในบางกรณี ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ ก็มีส่วนร่วมหรือมีส่วนสนับสนุนในการกระทำความผิด หรือละเว้นไม่ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ อันมีผลทำให้ปัญหาในเรื่องนี้ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น
นายภักดี กล่าวว่า จึงมีประกาศคณะกรรมการ ป.ป.ช. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำและแสดงบัญชีรายรับรายจ่ายของโครงการที่บุคคลหรือนิติบุคคลเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2554 ประกาศออกมาและมีผลใช้บังคับไปเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2555 เพื่อใช้ประกอบในสัญญา 4 ประเภท คือ 1.สัญญาเกี่ยวกับการจัดหาพัสดุหรือการพัสดุตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ หรือระเบียบ ข้อกำหนด กฎ ข้อบังคับว่าด้วยการพัสดุของหน่วยงานของรัฐที่ทำการจัดซื้อจัดจ้าง 2. สัญญาสัมปทาน 3. สัญญาให้ทุนสนับสนุนเพื่อการวิจัย 4. สัญญาให้ทุนสนับสนุนเพื่อดำเนินกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง
“โดยสัญญาดังกล่าวจะต้องเป็นสัญญาที่มีการจัดทำ (ลงนาม) ระหว่างบุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐ ในสัญญาที่มีมูลค่าตั้งแต่ 2,000,000 บาทขึ้นไป ต้องยื่นบัญชีแสดงรายการรับจ่ายของโครงการต่อกรมสรรพากร โดยยื่นพร้อมกับการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหรือภาษีเงินได้นิติบุคคลของปีภาษีนั้น แล้วแต่กรณี โดยแยกเป็นรายโครงการตามสัญญา” นายภักดี กล่าว
อ่านประกอบ : ป.ป.ช.โต้ปมไม่จัดทำรายงานปฏิหน้าที่-ยันเผยแพร่ผ่านหน้าเว็บแล้ว