“วิษณุ”ชี้รธน.ฉบับแรกอยู่ยืนสุด 14 ปี แนะของใหม่ดูฤกษ์ดีได้อยู่นานกว่า
“วิษณุ” ยกรัฐธรรมนูญฉบับ 10 ธ.ค. 2475 ยาวนานสุด ชี้ดูฤกษ์ไว้ดี แนะร่าง รธน. ฉบับใหม่ดูฤกษ์ให้ดีเหมือนกัน จะได้ยาวนานกว่า แต่หากสำคัญที่คนก็แล้วไป ยก“รัชกาลที่ 7” ใช้วิกฤติให้เป็นโอกาส เดินหน้าวางรากฐานระบอบการปกครองประชาธิปไตย
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง “พระผู้ให้กำเนิดประชาธิปไตย” และ “ประวัติศาสตร์รัฐธรรมนูญฉบับแรกกับอนาคตรัฐธรรมนูญไทย” จัดโดยสมาคมสถาบันพระปกเกล้า ที่สโมสรทหารบก ถ.วิภาวดี-รังสิต ตอนหนึ่งว่า จุดเด่นของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้นมีอยู่ 4 อย่างคือ ชีวิตของท่านทรงอาภัพอย่างถึงที่สุด ทรงมีบทบาทสำคัญมากในการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่มีบทบาทสำคัญมากในการวางรากฐานระบอบการปกครองประชาธิปไตย แม้อาจไม่ถึงขั้นให้กำเนิดก็ตาม แต่ทรงวางรากฐานแน่ และทรงเป็นพระมหากษัตริย์นักสันวิธีอีกด้วย
นายวิษณุ กล่าวอีกว่า ความยิ่งใหญ่ของท่านอยู่ใน 3-4 เรื่องนี้ ซึ่งเรื่องอาภัพนั้นไม่ใช่เรื่องยิ่งใหญ่ แต่เป็นเรื่องน่าเห็นใจ แต่ขอให้จำไว้ว่า ความอาภัพนั้นคือวิกฤติ และท่านทรงใช้วิกฤติให้เป็นโอกาสที่จะทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม โอกาสในการวางรากฐานระบอบประชาธิปไตย และโอกาสในการเป็นพระมหากษัตริย์นักสันติวิธี ซึ่งทั้งหมดเริ่มจากความอาภัพภายในครอบครัว เช่น การไม่มีพระอนุชา และสุขภาพไม่ดีมาตั้งแต่ประสูติ ซึ่งอดนึกไม่ได้ว่า หากพระองค์ไม่ได้อาภัพ หลายสิ่งหลายอย่างอาจไม่เกิดขึ้น เหมือนกับที่ไม่ได้เกิดขึ้นในรัชกาลอื่น ๆ เพราะพระมหากษัตริย์ในรัชกาลอื่นก็ทรงไม่อาภัพ ทำให้ไม่มีวิกฤติ และไม่มีจุดอ่อน
“วิกฤติถ้าปล่อยให้เป็นวิกฤติก็จะเป็นตลอดไป จนกระทั่งทำให้เราตาย คือฆ่าเรา แต่ถ้าทำวิกฤติให้เป็นโอกาส วิกฤติจะสร้างสรรค์ประโยชน์เป็นอันมาก อย่างที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงทำให้วิกฤตินั้นเป็นประโยชน์มาแล้ว” นายวิษณุ กล่าว
นายวิษณุ กล่าวด้วยว่า ประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญมาแล้ว 20 ฉบับ แต่ไม่มีฉบับไหนยาวนานเท่า รัฐธรรมนูญฉบับวันที่ 10 ธันวาคม 2475 มีอายุยืนยาวถึง 14 ปี รอบแรก 10 ปี และวนมาใช้อีกรอบหนึ่งอีก 7 ปี ซึ่งอายุยืนมาก ถือว่าดูฤกษ์ไว้แข็งมาก จะหาฉบับที่อายุยืนขนาดนั้นคงยาก และฉบับใหม่ที่ร่างกันอยู่ก็ต้องดูฤกษ์ให้ดี เพื่อให้มีอายุยืนยาวกว่า 14 ปีให้ได้ แต่ถ้าบอกฤกษ์ไม่สำคัญ สำคัญที่คนก็แล้วไป