ปลุกพลัง เปลี่ยนไทย ‘นพ.ประเวศ’ ชู 7 พลัง นำไทยสู่ยุคศรีอาริยะ 2575
หอการค้าไทย-ตลท.จับมือภาคสังคมชวนคนไทย ‘ปลุกพลัง เปลี่ยนไทย’ ร่วมกำหนดวิสัยทัศน์ใหม่ ‘นพ.ประเวศ วะสี’ ชี้ไทยติดอยู่ในสภาวะเรื้อรังมานาน ยากจะฉุดขึ้นจากวิกฤติได้ หากคิดแยกส่วน ชูสาน 7 พลัง นำประเทศก้าวสู่ยุคศรีอาริยะ 2575
วันที่ 17 มกราคม 2558 หอการค้าไทย, ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, สภาธุรกิจตลาดทุนไทย, สมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย ร่วมกับองค์กรภาคสังคม ได้แก่ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) , มูลนิธิเพื่อคนไทย, มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย, มูลนิธิชุมชนท้องถิ่นพัฒนา, องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) และอีกกว่า 20 องค์กร ร่วมก่อตั้งรวมกว่า 100 เครือข่าย เปิดตัวโครงการ ‘ปลุกพลัง เปลี่ยนไทย’ (Inspiring Thailand) ณ ลานเซ็นทรัล คอร์ท ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์
ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส ปาฐกถาพิเศษ ‘ปลุกพลัง เปลี่ยนไทย:แรงบันดาลใจคนไทยร่วมเปลี่ยนแปลงสังคม’ ว่า โครงการปลุกพลัง เปลี่ยนไทย ทำขึ้นเพื่อสร้างพลังที่จะฉุดประเทศไทยขึ้นจากสภาวะวิกฤติเรื้อรัง ซึ่งเป็นมหาวิกฤติของไทย ไปสู่ความเจริญที่แท้จริงให้ได้ ทั้งนี้ ประเทศไทยติดอยู่ในสภาวะวิกฤติเรื้อรังมานาน ด้วยเกิดจากวิกฤติ 5 กระแส มารวมตัวกัน
1.วิกฤติทางการเมืองและระบบรัฐ ซึ่งขาดคุณภาพและสมรรถภาพ จนเรียกว่ารัฐล้มเหลว ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของคนไทย
2.วิกฤติทางเศรษฐกิจ เราพัฒนาเศรษฐกิจไป แต่ความเหลื่อมล้ำยิ่งห่างมากขึ้น นำไปสู่ปัญหาเรื้อรัง
3.วิกฤติทรัพยากร เราไม่สามารถจัดการใช้ทรัพยากรอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน
4.วิกฤติทางศีลธรรม มีการฉ้อฉลคอร์รัปชันเต็มประเทศ ตั้งแต่เด็ก ไปจนถึงนักวิชาการ นักการเมือง พระสงฆ์ กลายเป็นประเทศคอร์รัปชัน
5.วิกฤติคุณภาพคนไทย ทำอย่างไรก็แก้ไม่ได้ แม้จะพยายามปฏิรูปทางการศึกษาหลายรอบก็ไม่สามารถแก้ไขได้ ทำให้อ่อนแอและขาดความสามารถ
จากวิกฤติ 5 กระแส มาบรรจบกัน ราษฎรอาวุโส กล่าวว่า กลายเป็นวิกฤติใหญ่ของไทย ไม่มีใครจะดึงประเทศออกจากวิกฤติได้ นอกจากคนไทยจะรวมตัวกันแบบขอมือหน่อย เอามือมาจับกัน เชื่อมโยงคนไทยเข้าด้วยกัน กลายเป็นพลังสังคม อย่างไรก็ตาม ในอดีตเราคุ้นเคยกับการรอคอยอัศวินขี่ม้าขาวมาช่วย ซึ่งเป็นไปไม่ได้ ไม่มีอัศวินใด ๆ จะช่วยประเทศได้ มิใช่เพราะไม่เก่งหรือไม่ดี แต่สิ่งนั้นยากเกินไปกับการที่คนใดคนหนึ่งจะดึงออกมาได้
“การที่ประเทศไทยไม่มีพลังที่จะดึงประเทศออกจากสภาวะวิกฤติได้ เนื่องจากสภาพจิตเล็กและคิดแบบแยกส่วน” ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเวศ กล่าว และว่าการคิดแบบแยกส่วนไม่มีพลัง เพราะผิดธรรมชาติที่ให้สรรพสิ่งล้วนต้องเชื่อมโยงกัน
ทั้งนี้ การทำอะไรแบบแยกส่วนนำไปสู่ความเสื่อมของการเสียสละ เมื่อแยกส่วนแยกย่อยไม่ประกอบเคลื่อนไปพร้อมกัน ไม่มีพลังที่จะขับเคลื่อนได้ จะเร่งเครื่องอย่างไรก็เร่งไม่ได้ การทำอะไรให้ขาดเป็นส่วน ๆ ทำให้หมดชีวิต เหมือนการชำแหละโค หรือสุกร ทำให้ขาดพลังชีวิต ทั้งหมดคือ สภาพของเราที่ผ่านมา ดังนั้นจึงไม่มีพลังจะออกจากวิกฤติ
ราษฎรอาวุโส กล่าวด้วยว่า การทำให้กระบวนการปลุกพลัง เปลี่ยนไทย ต้องเปลี่ยนวิธีคิดจากการคิดแยกส่วนเป็นเชื่อมโยงคนทั้งหมดเข้าด้วยกัน ไม่คิดเป็นเขา เป็นเรา เป็นปฏิปักษ์กัน ซึ่งการเชื่อมโยงก่อให้เกิดพลังมหาศาล หรือโซเซียล ฟิวชั่น ดังนั้นหากคนไทยเข้ามาเชื่อมโยงกันจะเกิดเป็นโซเซียล นิวเคลียร์ เอนเนอร์ยี่ ก่อเกิดเป็น 7 พลัง ได้แก่
1.พลังจิตสำนึกใหม่ พัฒนาจากจิตเล็กไปสู่จิตใหม่ พยายามทำเพื่อคนให้ทั้งหมด 2.พลังวิสัยทัศน์ มองไปข้างหน้า ที่ผ่านมาไทยติดอยู่กับอดีต ทำให้เคลื่อนไปสู่อนาคตไม่ได้ ดังนั้นกระบวนการนี้จึงเป็นการมองไปสู่อนาคต 3.พลังจากสังคมแนวราบ ต้องสร้างผู้นำ พลเมือง เพราะสังคมแนวดิ่งมีผู้นำไม่กี่คน แต่สังคมแนวราบจะเกิดผู้นำมาก จนเกิดพลังมหาศาล
4.พลังลงมือกระทำ ต้องร้อยโครงการเปลี่ยนประเทศให้คนไทยหันมาคิดเรื่องใหญ่ ๆ ที่ทำแล้วเปลี่ยนประเทศ 5.พลังปัญญา ต้องใช้ข้อมูลข่าวสาร ความรู้ เป็นพลังทางปัญญา จะใช้พละกำลังอย่างเดียวไม่ได้ เพราะเรื่องมีความซับซ้อน 6.พลังจัดการ นับว่ามีความสำคัญมาก ซึ่งไทยแสนจะไม่มีการจัดการ เพราะการศึกษาไทยมักสอนให้ท่องวิชา และ 7.พลังข้อมูลข่าวสารและการสื่อสารสมัยใหม่ ซึ่งปัจจุบันเครื่องมือสื่อสารครอบคลุมทุกคน ฉะนั้นต้องทำให้เกิดทั่วประเทศ
“พลัง 7 ประการ จะกลายเป็นพลังใหญ่ให้สามารถดึงสังคมไทยออกจากวิกฤติเป็นไทยชุดใหม่ภายในปี 2575 สู่ยุคศรีอาริยะตามคำพยากรณ์ที่มีมานาน” ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเวศ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการปาฐกถาพิเศษจากศ.เกียรติคุณ นพ.ประเวศ วะสี ได้มีผู้แทนจากภาคส่วนต่าง ๆ ได้แก่ ภาคธุรกิจ ภาคสังคม ภาคการตลาดทุน ภาคประชาชน ภาคการศึกษา/วิจัย ภาคกิจการเพื่อสังคม และภาคสื่อมวลชน ขึ้นแสดงวิสัยทัศน์รวมพลังต่อโครงการนี้ด้วย
ทั้งนี้ โครงการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนร่วมเปลี่ยนแปลงประเทศ ร่วมสร้างวิสัยทัศน์ชาติ 2575 ฉบับประชาชน จะประกาศต่อสาธารณะในเดือนมิถุนายน 2558 .