ไม่สร้างเขื่อนกั้นอ่าวไทยวันนี้ อีก20ปี กทม.อาจจมน้ำ!
“ภาคกลางอาจกลายเป็นน้ำทะเล แบบน้ำขึ้นน้ำลง เจอปัญหาน้ำเค็มเข้ามาแทนที่น้ำจืด ปลูกข้าว ปลูกผักไม่ได้ หากไม่มีการรับมือล่วงหน้า ผมคิดว่าอีก 20-30 ปี ไม่เหลือแน่”
“ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา” ผู้บริหารโรงเรียนสัตยาไส อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี อดีตวิศวกร องค์การนาซ่า ในวัย 75 ปี ทุกวันนี้ ยังคงเดินสายบรรยายให้ความรู้เรื่องโลกร้อนอย่างต่อเนื่อง จนหลายคนตั้งฉายาให้เป็น “อัล กอร์” แห่งเมืองไทย
ล่าสุด “ดร.อาจอง” ให้สัมภาษณ์พิเศษ สำนักข่าวอิศรา ว่า ปัจจุบันนี้สภาพภูมิอากาศมีปัญหาหลายอย่างจากปัญหาสภาวะโลกร้อน ทั้งนี้ อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกที่สูงขึ้น ส่งผลให้ดินฟ้าอากาศเปลี่ยนแปลงฉับพลันอย่างน่าวิตก
“ทุกวันนี้อุณหภูมิโลกเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 1 องศา ดูเหมือนจะน้อย แต่จริงๆส่งผลกระทบมหาศาล หน้าร้อนจะร้อนขึ้น หน้าหนาวก็จะหนาวผิดปกติ รวมทั้งรอยร้าวเปลือกโลกที่เคลื่อนตัวรวดเร็วขึ้น ทำให้เกิดแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง ภูเขาไฟรุนแรง และในไม่ช้า อุณหภูมิโลกจะค่อยๆสูงขึ้นมากกว่า 1 องศา”
ความที่อุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นนี้เอง ยังส่งผลให้น้ำแข็งขั้วโลกเหนือละลายอย่างต่อเนื่อง ระดับน้ำทะเลก็สูงขึ้นตามไปด้วย จนน่ากังวลว่าหมีขาวขั้วโลกเหนืออาจสูญพันธุ์ในอีก 10 ปีข้างหน้า ก็เป็นได้ เพราะหาน้ำแข็งอยู่ไม่ได้
“ปัญหาขณะนี้คือน้ำแข็งบนภูเขาละลายลงสู่ทะเล จนน้ำในทะเลสูงขึ้น ทำให้น้ำหนักโลกเปลี่ยน เช่น ในมหาสมุทรแปซิฟิกสูงขึ้น ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น 20 เซนติเมตร หลายคนอาจมองว่าธรรมดา ไม่รู้สึกอะไร แต่กินพื้นที่กว้างมากนะครับ เป็นเหตุหนึ่งทำให้เกิดน้ำท่วมหลายจุด และกำลังเกิดขึ้นทั่วโลก” ดร.อาจอง กล่าว
เขายังบอกว่า ทุกวันนี้ที่ประเทศญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ หรือฝั่งอันดามัน พม่า อินโดนีเซีย มักเกิดแผ่นดินไหว ภูเขาไฟ พายุรุนแรง และสึนามิ บ่อยครั้งขึ้น เป็นเพราะน้ำหนักโลกที่เปลี่ยนไปจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นนั่นเอง “...หลายคนบอกว่าสึนามิ เกิดขึ้นทุก 1 พันปี แต่วันนี้อาจไม่เป็นอย่างนั้นอีกต่อไปแล้ว”
สำหรับประเทศไทย “ดร.อาจอง” กล่าวว่า ค่อนข้างโชคดีกว่าหลายประเทศ แต่ก็ต้องระมัดระวัง และอย่าประมาท เพราเมื่อเปลือกโลกเคลื่อนตัวจะทำให้มีรอยเลื่อนเคลื่อนไหวหลายจุด จนเกิดแผ่นดินไหว เหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับจ.เชียงราย เมื่อไม่นานมานี้
ประเทศไทยมีรอยเลื่อนหลายแห่ง และมีการเคลื่อนไหวมากขึ้น โดยเฉพาะทางภาคเหนือ มีรอยร้าวที่จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลงมาถึงภาคตะวันตก จ.กาญจนบุรี ลงไปจนถึงภาคใต้ จ.ระนอง เรื่อยไปจนถึง ภูเก็ต กระบี่ อาจยังไม่รุนแรงมาก แต่ก็อยู่ในภัยอันตราย ฉะนั้น ต้องมีการเตรียมตัวที่ดี เช่น สร้างตึกให้แข็งแรงเกินกว่า 7 ริกเตอร์
นอกจากนี้ แนวโน้มระดับน้ำทะเลเริ่มสูงขึ้นและเร็วขึ้นกว่าเดิม จากภาวะจากน้ำแข็งขั้วโลกละลาย ส่งผลให้ประไทยเริ่มสูญเสียพื้นที่ชายทะเลมากขึ้น จึงต้องมีการป้องกัน อย่างที่ผมเคยบอก คือ การสร้างเขื่อนกั้นตลอดแนวอ่าวไทยแบบประเทศเนเธอร์แลนด์
“โอกาสที่ระดับน้ำทะเลจะขึ้นสูงถึง 6-7 เมตร มีสูงมาก แต่อาจจะใช้เวลาอีก20–30 ปี ซึ่งผมถือว่าเร็ว หากขึ้นมา 6-7 เมตร กรุงเทพฯไม่มีแล้ว เพราะอยู่เหนือระดับน้ำทะเล 2 เมตร กรุงเทพฯหาย ไม่มีสมุทรสาคร สมุทรสงคราม สมุทรปราการ เพราะบริเวณอ่าวไทยเป็นที่ต่ำ”
“ส่วนจังหวัดอื่นก็ท่วม อยุธยาหายไปทั้งจังหวัด สระบุรี ลพบุรี โดนไปครึ่งหนึ่ง ภาคกลางอาจกลายเป็นน้ำทะเล แบบน้ำขึ้นน้ำลง และเจอปัญหาน้ำเค็มเข้ามาแทนที่น้ำจืด ปลูกข้าว ปลูกผักไม่ได้ หากไม่มีการรับมือล่วงหน้า ผมคิดว่าอีก 20-30 ปี ไม่เหลือแน่” ดร.อาจอง กล่าว
อดีตวิศวกรนาซ่า เตือนว่า รัฐบาลต้องบริหารจัดการน้ำให้ดี เพราะวันนี้ฝนตกแรง แม้ในพื้นที่สูง น้ำก็ยังท่วมได้เพราะการระบายน้ำไม่ดี ส่วนการสร้างเขื่อน ต้องคิดถึงอนาคตให้ไกล ฐานเขื่อนต้องแข็งแรงมั่นคง มีขนาดใหญ่ และต้องลงทุนสูง แต่หากทำได้ภาคกลางอาจจะปลอดภัย
“เขื่อนต้องยาวมากตลอดอ่าวไทย ประมาณ 100-200 กิโลเมตร ใหญ่กว่าเขื่อนของเนเธอแลนด์ แต่น่าจะคุ้มค่า ทำเป็นถนนรถวิ่งข้างบน วันนี้รัฐบาลใช้ผมไปอบรมครูทั่วประเทศ แต่ผมก็จะอธิบายเรื่องเหล่านี้เข้าไปด้วย ก็เริ่มเข้าใจกันมากขึ้น รัฐบาลก็รับฟัง แต่ยังนิ่งเฉยอยู่”
ที่สำคัญต้องรีบทำระบบระบายน้ำให้ไหลลงสู่ทะเล อย่าให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน อย่าไปสร้างเมือง สร้างโรงงาน ขวางทางน้ำ และต้องวางแผนร่วมกันทั้งประเทศ
สำหรับการสร้างเขื่อนบริเวณอ่าวไทย ต้องสร้างเสียแต่วันนี้ ถ้าไม่ทำอะไรเลย จะเป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะในวันที่พายุรุนแรงขึ้น แผ่นดินไหวมากขึ้น เปลือกโลกเคลื่อนไหวแยกตัวหลายจุด อะไรก็เกิดขึ้นได้ !
“บางคนไม่ยอมเชื่อ คิดว่าเป็นไปไม่ได้ หรือเห็นว่าอีกตั้ง 20 ปี เลยเฉยๆ กัน แต่ไม่ทำไม่ได้ เพราะนี่คือการเปลี่ยนแปลงของโลก รัฐบาลลงทุนสร้างรถไฟก็ดี แต่อย่าลืมสร้างเขื่อนป้องกันไม่ให้น้ำท่วมภาคกลางด้วย” ดร.อาจอง กล่าวเตือนทิ้งท้าย