สคสบ.หวัง 10 ปีข้างหน้า ลดจำนวนผู้สูบบุหรี่ทั่วประเทศเหลือ 15%
ประธานสมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่จับมือพันธมิตรหวัง ปี 2568 ไทยเหลือผู้สูบบุหรี่ 15% เผยอายุสิงห์อมควันเริ่มต้นที่ 18 ปี ด้านผู้นำ 3 ศาสนา ร่วมรณรงค์เต็มที่หวังเยาวชนไทยห่างไกลยาเสพติด
13 มกราคม 2558 สมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ (สคสบ.) ร่วมกับมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ และ 3 ผู้นำศาสนา พุทธ อิสลาม และคริสต์ จัดงานแถลงข่าว ศาสนสถานปลอดบุหรี่ ณ ศาลา 5 วัดประยูรวงศาวาสวรวิหาร
ศ.เกียรติคุณ พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ ประธาน สคสบ. กล่าวถึงผลการของการรณรงค์ สามารถเห็นได้ชัดว่าการสูบบุหรี่ในศาสนสถานลดลงจริงตามเจตนารมณ์ของสมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติ แม้ว่า จากการศึกษาในระยะเวลา 5 ปีที่้ผ่านมา ผู้สูบบุหรีทั่วโลกมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้น
ศ.เกียรติคุณ พญ.สมศรี กล่าวด้วยว่า สมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติฯ ได้มีมาตรการเชิงรุกด้วยการจับมือกับพันธมิตรเครือข่ายควบคุมการบริโภคยาสูบตามแผนยุทธศาสตร์การควบคุมการบริโภคยาสูบแห่งชาติ เพื่อลดอัตราการสูบบุหรี่ของประชากรไทยให้เหลือเพียง15 % ในปี 2568 ตามเป้าหมายการลดปัจจัยเสี่ยงหลักของโรคไม่ติดต่อขององค์การสหประชาชาติที่ประเทศสมาชิกทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยได้มีมติร่วมกัน และปี 2558 ได้มีนโยบายเชิงรุกจับมือกับ 3 ศาสนาให้สังคมไทยปลอดบุหรี่
“เป้าหมายการสร้างศาสนาสถานปลอดบุหรี่ เพื่อให้ประชาชนทั่วประเทศ และศาสนาสถานทุกแห่งรับรู้ว่าบุหรี่ก่อให้เกิดพิษภัยทั้งต่อตัวผู้สูบและผู้อื่น จึงมีกฎหมายเพื่อการควบคุมการบริโภคยาสูบ และมีบัญญัติไว้อย่างชัดเจนว่า ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 19 พ.ศ.2553 ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ พ.ศ.2553 มีผลบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน 2553 โดยประกาศฉบับนี้เป็นการกำหนดให้ศาสนาเป็นหนึ่งในสถานที่ห้ามสูบบุหรี่โดยเด็ดขาด ผู้ฝ่าฝืนจะถูกจับหรือมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาททันที”
ศ.เกียรติคุณ พญ.สมศรี ยังกล่าวอีกว่า สมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติฯ มูลนิธิฯ และวัดประยุรฯ จะเป็นศูนย์รวมของเครือข่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยชี้นำให้เกิดความรู้ให้ศาสนสถานทุกแห่งทั่วประเทศเป็นเขตปลอดบุหรี่ ทั้งนี้ ยังได้ได้รับความร่วมมือจาก อสม. นับแสนคนทั่วประเทศ เป็นฝ่ายสนันสนุน และออกเยี่ยมเยือนวัด โบสถ์ และมัสยิด ให้ปฎิบัติตามกฏหมาย เพื่อให้ศาสนสถานทั่วประเทศ เป็นเขตปลอดบุหรี่อย่างแท้จริง
ด้านศ.ดร. พระพรหมบัณฑิต (ประยุร ธฺมจิตฺโต) เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวสวรวิหาร กล่าวว่า ทางวัดพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับสมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติฯ และมูลนิธิฯ รณรงค์ให้ศาสนสถานทั่วประเทศปลอดบุหรี่ โดยในส่วนของวัดประยุรฯ นอกจากจะให้ความรู้แล้ว ยังจะร่วมเผยแพร่โครงการนี้แก่วัดอื่นด้วย ทั้งนี้เพราะศาสนสถานเป็นสาธารณสถานที่ประชาชนจำนวนมากมาประกอบกิจกรรมทางศาสนา เหมาะกับการเป็นสถานที่ส่งเสริมสุขภาพกายใจให้ปลอดจากสิ่งเสพติดทั้งหลาย และพระสงฆ์ก็เป็นผู้นำทางความคิด และเป็นที่นับถือของศาสนิกชนทั้งหลายไม่ควรถวายบุหรี่แก่พระภิกษุสงฆ์
“บุหรี่เป็นสิ่งเสพติดที่มีผู้เสพติดมากที่สุดของโลก โดยทั่วโลกมีผู้เสพติดบุหรี่ 1,300 ล้านคน ในแต่ละปีมีคนทั่วโลกเสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ 5.4 ล้านคน วันละ 14,794 คน ชั่วโมงละ 616 คน นาทีละ 10 คน
ในแต่ละปีคนไทยเสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ 50,710 คน วันละ 139 คน ชั่วโมงละ 5.7 คน โดยอายุเฉลี่ยของคนไทยที่เริ่มเสพเสพติดบุหรี่คือ 18 ปี และการสูบบุหรี่เป็นสาเหตุสำคัญทำให้เป็นโรคมะเร็ง” ศ.ดร. พระพรหมบัณฑิต กล่าว
ขณะที่บาทหลวงวรวุฒิ กิจสกุล เจ้าอาวาสวัดซางตาครู้ส (กุฎีจีน) กล่าวว่า อยากให้เด็กรุ่นใหม่ได้จดจำการสูบบุหรี่เป็นสิ่งไม่ดี ศาสนาคริสต์สอนให้รักผู้อื่น ฉะนั้นถ้ารักผู้อื่นก็อย่าไปทำร้ายเขา ถ้ารักตัวเองก็อย่าทำร้ายตัวเอง และศาสนาคริสก็ให้ความร่วมมืออยู่แล้ว เพราะเมื่อทุกคนเข้าโบสถ์ไปแล้วก็จะไม่พกอะไรเข้าไปแม้แต่น้ำก็ไม่พก สุดท้ายสิ่งเหล่านี้เมื่อรณรงค์ไปแล้ว ผู้อื่นรับรู้แล้วก็เหลือเพียงจำนึกสำนึกเท่านั้นที่จะช่วยได้
ส่วนฮัจยีอิบรอมฮีม ศรีสมาน ผู้แทนมัสยิดบางหลวง กล่าวว่า สิ่งเสพติดทั้งหลาย รวมถึงกาแฟอีน นั้นบัญญัติอยู่ในอัลกุรอ่านมานานแล้ว ฉะนั้นสิ่งเหล่านี้ถ้าเสพเข้าไปแล้วจะเลิกนั้นยาก และศาสนาอิสลามเองก็ได้ปฎิบัติตามกันอยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ตามเราก็ต้องรณรงค์กันต่อไปเพื่อให้เด็กรุ่นได้เห็นถึงโทษของบุหรี่
ทั้งนี้ สมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ แพทยสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ถวายโล่เกียรติคุณ "บุคคลต้นแบบในการรณรงค์เพื่อให้สังคมไทยปลอดบุหรี่" แด่ศ.ดร.พระพรหมบัณฑิต