“มาร์ค” ตอกกลางสภาฯ ค่าแรง 300บ. “ทำไม่ได้ยอมรับตรงๆ”
“เผดิมชัย” ตอบกระทู้แทน รบ.กลางสภาฯ “ค่าแรง 300” ต้องรอทุกฝ่ายยอมรับ ใช้เวลา 4 ปี ด้านปลัดแรงงานฯ ชงบอร์ดค่าจ้างปลาย ก.ย.ปรับขึ้น 40% พร้อมกันทั่วประเทศ 1 ม.ค.55 แทน ก่อนขยับถึง 300 บาทในปี 56
วันที่ 15 ก.ย.54 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม มีการพิจารณากระทู้ถามของนายประเสริฐ พงษ์สุวรรณศิริ ส.ส.ยะลา พรรคประชาธิปัตย์ เรื่องค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 300 บาท โดยถาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่าที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยหาเสียง “ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทันที 300 บาท” แต่เมื่อเข้ามาเป็นรัฐบาลกลับระบุว่าเป็น “การเพิ่มรายได้แทน”
ซึ่งมีความหมายแตกต่างกัน เพราะคำว่า “ค่าจ้างขั้นต่ำ” คือเงินเดือนล้วนๆที่ได้รับตอบแทนจากการทำงาน ขณะที่ “รายได้” อาจร่วมถึงค่าจ้างและสวัสดิการอื่นๆ และตาม พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน ก็ไม่มีคำว่า “รายได้” มีแต่คำว่า “ค่าจ้าง” จึงอยากถามว่ารัฐบาลจะใช้แนวทางไหนในการจ่ายค่าจ้าง 300 บาท นอกจากนี้สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือความเหลื่อมล้ำเรื่องรายได้ของผู้ใช้แรงงาน เพราะรัฐบาลได้ประกาศโครงการนำร่องเพียง 7 จังหวัด โดยจะเพิ่มขึ้นให้ 40 % ขณะที่มีอีก 70 จังหวัดที่ยังต้องรอการปรับเพิ่มขึ้นของรายได้ไปก่อน
นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รมว.แรงงาน รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี ชี้แจงแทนว่าการขึ้นค่าแรง 300 บาททำทันทีอย่างแน่นอน ตอนนี้กำลังดูความเป็นไปได้ภายใต้กรอบกฎหมายอยู่ เนื่องจากมีผู้ใช้แรงงานบางกลุ่มที่มีรายได้ทางอื่นๆด้วย จึงต้องมีการพิจารณาให้ครบถ้วนอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม นโยบายนี้อาจจะมีความล่าช้า แต่รัฐบาลมีเหตุผลที่สามารถอธิบายได้ไม่ใช่จะไม่ดำเนินการอะไรเลย โดยต้นเหตุสำคัญของความล่าช้ามาจากปฎิทินการจัดงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2555 ที่ต้องล่าช้าออกไปเพราะเดิมจะต้องมีการเสนอกฎหมายงบประมาณเข้าสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ไม่ใช่มาเสนอกฎหมายในเดือนพ.ย.
“ผมก็เคยได้ยินคำนี้มาจากรัฐบาลที่แล้วว่า 99 วันทำได้จริง แต่การจะทำได้ทันที่ก็ต้องรอกระบวนการ เพราะการขึ้นค่าจ้างต้องได้รับความยินยอมจากจากไตรภาคี และการทำงบประมาณร่ายจ่ายประจำปี 55 ที่คาดว่าจะผ่านในปีหน้า และมาตรการลดภาษีนิติบุคคล จากร้อยละ 30 เหลือะ 23 และปีต่อไปเหลือ 20 ซึ่งรัฐบาลจะรีบดำเนินการเร็วที่สุด โดยจะขึ้นให้ 7 จังหวัดนำร่องก่อน ส่วนอีก 3-4 ปีคาดว่าจะจ่ายรายได้ 300 บาทได้ทุกจังหวัดทั่วทั้งประเทศ” นายเผดิมชัย กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าทำให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตนายกฯ ลุกขึ้นชี้แจงว่า โครงการของรัฐบาลที่แล้ว 99 วันทำได้จริง หลายโครงการทำได้จริง แต่หากโครงการไหนทำไม่ได้ก็จะบอกตามตรง
วันเดียวกัน นพ.สมเกียรติ ฉายะศรีวงศ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน(รง.)กล่าวถึงกรณีกรรมค่าจ้างกลางฝ่ายนายจ้างไม่เห็นด้วย กับ การนำร่องปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทต่อวันใน 7 จังหวัด เนื่องจากไม่สามารถแบกรับต้นทุนค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นได้โดยเฉพาะธุรกิจเอสเอ็มอี และเรียกร้องให้ปรับค่าจ้างแบบขั้นบันไดภายใน 4 ปี ว่าภาครัฐจะต้องมีจุดยืนที่ชัดเจนเพื่อที่จะเดินหน้าในเรื่องนี้ได้ ซึ่งโดยส่วนตัวมีจุดยืนว่าจะปรับค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มขึ้น 40% จากฐานค่าจ้างขั้นต่ำเดิมใน 77 จังหวัดพร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 1 ม.ค.55 และจะทยอยปรับค่าจ้างให้ได้ 300 บาทต่อวันครบทุกจังหวัดภายในปี 2556 และจะเสนอต่อคณะกรรมการค่าจ้างกลางในการประชุมครั้งหน้าช่วงสิ้นเดือน ก.ย.นี้
ปลัด รง. กล่าวอีกว่าในการประชุมคณะกรรมการค่าจ้างกลาง 14 ก.ย.ที่ผ่านมาได้ตั้งคณะทำงานของคณะกรรมการไตรภาคีเพื่อสรุปมาตรการรองรับการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 300 บาทต่อวันของแต่ละฝ่ายทั้งภาครัฐ นายจ้างและลูกจ้างภายใน 2 สัปดาห์ รวมทั้งจะเร่งให้คณะอนุกรรมการค่าจ้างแต่ละจังหวัดสรุปข้อมูลผลสำรวจค่าครองชีพของลูกจ้างและค่าใช้จ่ายของนายจ้าง โดยคณะทำงานฯและคณะอนุกรรมการค่าจ้างจังหวัดฯสรุปข้อมูลเสนอต่อคณะกรรมการค่าจ้างกลางในการประชุมครั้งหน้า
“ผ่านมาหลายเดือนแล้ว แต่ยังไม่มีข้อยุติชัดเจน ถ้ารอให้ทุกฝ่ายตกลงกันได้คงจะช้าเกินไป ผมมีจุดยืนที่จะปรับค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มขึ้น 40% จากฐานค่าจ้างขั้นต่ำเดิมพร้อมกันทั่วประเทศ 1 ม.ค.55 ซึ่งการพิจารณาจะเป็นไปตามขั้นตอนและกระบวนการให้ทั้ง 3 ฝ่ายร่วมลงมติตามระบบไตรภาคี มั่นใจว่ามาตรการรองรับของรัฐ เช่น การลดหย่อนภาษีจะช่วยลดต้นทุนให้แก่นายจ้างได้” นพ.สมเกียรติกล่าว
ทั้งนี้การพิจารณาปรับค่าจ้างของคณะกรรมการค่าจ้างกลางประกอบด้วย 3 ฝ่าย ได้แก่ฝ่ายรัฐ 5 คน นายจ้าง 5 คนและลูกจ้าง 5 คน หากหาข้อสรุปไม่ได้จะใช้วิธีการโหวตและยึดเสียงข้างมาก ซึ่งที่ผ่านส่วนใหญ่จะได้ข้อสรุปในที่ประชุม .
ที่มาภาพ : http://accomthailand.wordpress.com/category/ข่าวสังคม/pqge/9/