วิชัย อัศรัศกร ชี้คณะกก.ต้านทุจริต ช่วยเน้นสิ่งที่ควรทำก่อน-หลัง
วิชัย อัศรัสกร รองประธานกรรมการหอการค้าไทย มั่นใจหลังครม.มีมติตั้งคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ เชื่อช่วยสร้างศูนย์กลางทำงานแบบบูรณาการ
ภายหลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ที่มีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้มีมติรับทราบคำสั่งแต่งตั้ง"คณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ" เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2558 นั้น โดยมีการพิจารณามอบหมายให้สำนักงบประมาณอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติงานของคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ คณะอนุกรรมการ และคณะทำงาน ตามที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)มีคำสั่ง
นายวิชัย อัศรัสกร รองประธานกรรมการหอการค้าไทย หนึ่งในคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ กล่าวกับสำนักข่าวอิศรา ว่า การที่คสช.ตั้งคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาตินับเป็นนิมิตรหมายที่ดีและมีความสำคัญมาก การจะขจัดปัญหาการทุจริตสิ่งที่ได้เรียนรู้มาจากโมเดลในหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็น ฮ่องกง สิงคโปร์ จุดสำคัญคือความมุ่งมั่นทางการเมืองหรือความมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาคอร์รัปชันของผู้นำ ดังนั้นวันนี้สัญญาณตรงนี้เริ่มมีความชัดเจนและการเชิญบุคคลจากองค์กรต่างๆเข้ามาร่วมนั้นก็ถูกต้องเพื่อจะได้ให้การขับเคลื่อนเป็นรูปธรรม
“ปัญหาการทุจริตถูกพูดมาทุกยุคสมัย แต่การขับเคลื่อนก็ไม่ใช่เรื่องง่าย มีองค์กรที่ทำงานด้านนี้หลายองค์กรแต่เป็นการทำงานแบบต่างคนต่างทำและมีแนวคิดหรือจุดเน้นที่แตกต่างกัน”
นายวิชัย อัศรัสกร กล่าวด้วยว่า การจัดตั้งองค์กรเฉพาะขึ้นมาจะช่วยให้ทุกฝ่ายมาร่วมกันตกผลึกว่า มีอะไรที่จะต้องทำก่อนทำหลัง ที่ผ่านมาอาจจะทำหลายเรื่องแต่ไม่มีพลัง หรือบ้างเรื่องเป็นเรื่องที่ไม่มีความสำคัญในระดับชาติจึงทำให้ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นสิ่งที่อาจจะต้องนำมาถกเถียงกันจะต้องเป็นเรื่องที่สำคัญสามารถเกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านทัศนคติ หากไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงความคิดของข้าราชการ ภาคเอกชน ประชาชน อย่างไรแล้วการต่อสู้หรือขับเคลื่อนเรื่องคอร์รัปชันจะเป็นเรื่องที่เหนื่อยมาก หากทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ก็จะสบายขึ้นระดับหนึ่ง
“ต้องขอบคุณท่านหัวหน้าคสช.ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เพราะเรารอสัญญาณนี้มานานมาก และอย่าไปคิดว่าการทำเรื่องนี้คือการเอาภาระมาให้ เมื่อท่านสร้างเวทีนี้ขึ้นมาแล้ว สิ่งที่พวกเราต้องช่วยกันทำคิดเสนอให้หัวหน้าคสช.เห็นว่า กลไกของรัฐจะประสานมือกับภาคเอกชน หรือหน่วยงานอื่นๆ อย่าง ป.ป.ช. สตง.ได้อย่างไร ตรงนี้คือจุดสำคัญ ที่ผ่านมาต่างคนต่างคิดต่างทำจึงไม่เกิดผลกระทบในวงกว้าง ไม่มีศูนย์บูรณาการ แต่เมื่อหัวหน้าคสช.หรือนายกรัฐมนตรีสร้างเวทีขึ้นมาตอนนี้จึงสามารถทำงานแบบบูรณาการได้ และเชื่อว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน หลังการประชุมนัดแรกที่กำลังจะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้”