เบื้องหลัง! "วีระชัย" เลขาฯ ส.ป.ก. ยื่นหนังสือลาออกราชการ "สายฟ้าแลบ"
"..ชีวิตผมจากนี้ไป ก็คงจะออกเดินสายไปพบกับผู้นำชุมชน หรือปราชญ์ชาวบ้าน เพื่อแลกเปลี่ยนและเรียนรู้การใช้ชีวิต เอาความรู้ที่มีอยู่ไปแลกเปลี่ยน เพื่อร่วมกันพัฒนาชุมชน..นี่เป็นสิ่งที่ผมอยากจะทำมากกว่าการนั่งทำงานบริหาร แบบระวังตัวไปวันๆ เพื่อรอเวลาเกษียณอายุราชการ.."
เล่นเอาข้าราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตกใจกันยกใหญ่!
เมื่อปรากฎข่าวว่า "นายวีระชัย นาควิบูลย์วงศ์" เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ยื่นหนังสือลาออกจากราชการอย่างเป็นทางการ ในช่วงวันที่ 5 ม.ค.58 ที่ผ่านมา
พร้อมกับกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ของรัฐบาล "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" 2
ที่ว่ากันว่าให้จับตาดูข้าราชการประจำบางส่วน จะลาออกมารับตำแหน่งเป็น "รัฐมนตรี" ใหม่
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org มีโอกาสได้พูดคุยกับ "นายวีระชัย นาควิบูลย์วงศ์" เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงทั้งหมด
ได้รับการยืนยันว่า ได้ยื่นหนังสือลาออกจากราชการจริง และได้ไปเข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ และปลัดกระทรวงเกษตรฯ เพื่อแจ้งให้ทราบเป็นทางการแล้ว
"ผมอายุครบ 60 ปีเต็ม เมื่อวันที่ 4 ม.ค.58 ที่ผ่านมา ถ้าจะอยู่ต่อไปก็ทำได้ จนถึงวันที่ 30 ก.ย.58 แต่ถ้าปล่อยไปจนถึงช่วงนั้น ก็คงจะไม่ได้ทำงานอะไรมาก ทำงานเพื่อรอเวลาไปเท่านั้น"
"ก่อนเข้ามารับราชการผมตั้งใจว่าจะทำงานจนถึงอายุ 60 ปี จากนั้น ก็จะออกไปทำงานด้านชุมชน เมื่อเวลามาถึง ผมก็อยากไปทำงานตามความฝันในวันที่ยังมีแรงอยู่ ซึ่งก็มีเพื่อนข้าราชการหลายคนที่คิดและทำแบบนี้"
"เมื่อกลับมานั่งคิดดูว่าเราเคยมีความฝันอะไรไว้ ก็เลยบอกตัวเองว่า ทำไมไม่เริ่มทำตอนนี้เลย เพราะถ้าลาออกไปตอนนี้ มันก็เป็นการเกษียณอายุอีกรูปแบบหนึ่ง นั่งคำนวณนับเงินบำนาจที่ได้รับหลังการลาออกก็ตกอยู่ประมาณเดือนละ 4 หมื่น ก็น่าจะพอสำหรับการใช้ชีวิตที่เหลือจากนี้ไป เพราะเราก็ไม่ได้ฟุ่มเฟือยอะไรมากอยู่แล้ว จึงตัดสินใจไปยื่นหนังสือลาออก เมื่อวันที่ 5 ม.ค.58 ที่ผ่านมา"
เมื่อถามว่า ไม่ใช่การลาออกเพื่อเตรียมตัวรับตำแหน่งทางการเมือง นายวีระชัย ตอบว่า "การลาออกของผมไม่เกี่ยวข้องอะไรกับการเข้ารับตำแหน่งทางการเมือง และการทำงานที่ผ่านมา ไม่ได้ถูกกดดันอะไร แต่ผมลาออกตามความตั้งใจเดิม ที่ตั้งใจไว้นานแล้ว และที่สำคัญถ้าออกไปตอนนี้ยังเป็นการเปิดโอกาสให้เลขาฯส.ป.ก.คนใหม่ เข้ามาทำงานเลยด้วย จะไปกันคนอื่นไว้ทำไมตั้งหลายเดือน"
อดีตเลขาฯ ส.ป.ก. ยังระบุด้วยว่า "ชีวิตผมจากนี้ไป ก็คงจะออกเดินสายไปพบกับผู้นำชุมชน หรือปราชญ์ชาวบ้าน เพื่อแลกเปลี่ยนและเรียนรู้การใช้ชีวิต เอาความรู้ที่มีอยู่ไปแลกเปลี่ยน เพื่อร่วมกันพัฒนาชุมชน"
"นี่เป็นสิ่งที่ผมอยากจะทำ มากกว่าการนั่งทำงานบริหาร แบบระวังตัวไปวันๆ เพื่อรอเวลาเกษียณอายุราชการ"
"เรามาทำงาน เป็นข้าราชการ รับใช้ประชาชน เราไม่ยึดติดกับตำแหน่งอำนาจอะไรอยู่แล้ว"อดีตเลขาฯ ส.ป.ก.กล่าวทิ้งท้าย