ภาคประชาสังคม เดินหน้าคิกออฟ ปีปฏิรูป ชงของขวัญ 10 กล่อง
ภาคประชาสังคม เดินหน้าคิกออฟปีปฏิรูป ชงของขวัญ 10 กล่อง ส่งต่อแม่น้ำ 5 สาย ยกเครื่องประเทศอย่างจริงจัง
นพ.พลเดช ปิ่นประทีป สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ในฐานะประธานมูลนิธิชุมชนท้องถิ่นพัฒนา เปิดเผยว่า ในปี 2558 นี้ จะจัดเวทีภาคีพัฒนาประเทศไทย (Thailand DevelopmentForum) ขึ้นอีกครั้งต่อจากปี 2557และจะจัดขึ้นทุกเดือนเพื่อผลักดันวาระปฏิรูปเสนอรัฐบาล สภานิติบัญญัติแห่งชาติ สภาปฏิรูปแห่งชาติ คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรมใน 10 เรื่อง เป็นกล่องของขวัญให้กับประชาชนในปี 2558 ประกอบด้วย
1.ให้รัฐบาลประกาศสร้างหลักประกันสังคมผู้สูงวัย สร้างวินัยการออม โดยเดินหน้ากองทุนการออมแห่งชาติ มีเป้าหมายเป็นของขวัญสำหรับประชากรวัยแรงงานทั่วไป โดยเฉพาะชีพอิสระ แรงงานภาคเกษตรและแรงงานนอกระบบจำนวน 24 ล้านคน ทั้งนี้ รัฐบาลสามารถดำเนินการได้ทันที เพราะ พ.ร.บ.การออมแห่งชาติ พ.ศ.2554 ได้ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาแล้วแต่ยังไม่มีการบังคับใช้ในรัฐบาลที่แล้ว ดังนั้น กระทรวงการคลังควรบังคับใช้ พ.ร.บ.ดังกล่าวเพื่อให้กองทุนการออมแห่งชาติเดินหน้าต่อไปได้
นพ.พลเดช กล่าวว่า ของขวัญกล่องที่ 2 ให้รัฐบาลประกาศคุ้มครองสิทธิชุมชน ในการจัดการที่ดินและทรัพยากรอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน เพื่อเป็นของขวัญสำหรับคนยากจนที่ไม่มีที่ดินทำกินจำนวน 1.5 ล้านครอบครัว โดยรัฐต้องกระจายอำนาจการจัดการสู่ชุมชนท้องถิ่น พร้อมทั้งจัดให้มีกลไกเพื่อผลักดันให้เกิดการขับเคลื่อนด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชนและภาคส่วนต่างๆ และรัฐต้องดำเนินการเพื่อเอื้อให้เกษตรกรโดยรวมสามารถเข้าถึงที่ดินทำกินและรักษาที่ดินทำกินไว้ได้โดยมาตรการต่างๆ อย่างเป็นระบบ เช่น ธนาคารที่ดิน โฉนดชุมชน ภาษีอัตราก้าวหน้า ทั้งนี้ ในระยะ 6 เดือนแรกควรเร่งรัดจัดการปัญหาเส้นขอบเขตที่ไม่ชัดเจนระหว่างที่ดินของรัฐกับชุมชนทั่วไป ก่อนที่จะมีมาตรการอื่นๆ
"แม้รัฐบาลจะมีนโยบายจัดสรรที่ดินให้ประชาชนใช้เป็นที่ทำกินบ้างแล้วแต่ยังไม่ครอบคลุม ดังนั้น ควรมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดำเนินการจัดสรรที่ดินส่วนของรัฐที่รกร้างว่างเปล่า และสนับสนุนการออกกฎหมายว่าด้วยสิทธิชุมชนในการจัดการที่ดินและทรัพยากร ตามข้อเสนอของเครือข่ายภาคประชาชนให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี" นพ.พลเดช กล่าว
นพ.พลเดช กล่าวว่า ของขวัญกล่องที่ 3 ขอให้รัฐบาลประกาศปฏิรูประบ บสลากกินแบ่งรัฐบาล แก้ปัญหาล็อตเตอรี่เกินราคา ปราบปรามเสือนอนกินและคอร์รัปชั่น เพราะตนคิดว่าภายใน3เดือนแรก คสช.และรัฐบาลสามารถแก้ปัญหาล็อตเตอรี่เกินราคาได้ โดยยกเลิกระบบยี่ปั๊วซาปั๊ว จัดระบบทะเบียนผู้ค้ารายย่อยและดำเนินการกระจายสลากถึงมือโดยตรงในราคาที่เขามีกำไรและภายในไม่เกิน6เดือน ควรขับเคลื่อนการปฏิรูประบบสลากกินแบ่งรัฐบาลให้เป็นสลากเพื่อสังคม โดยออกกฎหมาย พ.ร.บ.สลากเพื่อสังคม ตามข้อเสนอของเครือข่ายภาคประชาสังคม
นพ.พลเดช กล่าวถึงของขวัญกล่องที่ 4 จัดตั้งกองทุนสื่อสร้างสรรค์ สนับสนุนการผลิตสื่อและเผยแพร่รายการสาระบันเทิง ข่าวสารและการศึกษาเรียนรู้ของสังคมทางทีวี วิทยุและระบบสื่อสารมวลชน เป็นของขวัญสำหรับเครือข่ายพ่อแม่ผู้ปกครอง 20 ล้านครอบครัว ด้วยการส่งเสริมสื่อดีให้สามารถมีที่ยืน โดยไม่ต้องพึ่งพาเงินทุนจากนายทุนและพรรคการเมือง
ส่วนของขวัญกล่องที่ 5. ให้รัฐบาลประกาศปิดรูรั่วนักการเมืองและข้าราชการ ใช้งบประมาณสาธารณะไปโฆษณาตนเอง
"วิธีการ จะต้องประกาศห้ามรัฐมนตรีและหัวหน้าหน่วยงานราชการใช้งบประมาณรัฐไปใช้ในการโฆษณาและจัดอีเวนท์เพื่อประชาสัมพันธ์ตัวเองทั้งโดยตรงและทางอ้อม โดยเร่งรัดการออกกฎหมาย พ.ร.บ.การโฆษณาประชาสัมพันธ์ภาครัฐ ตามที่เครือข่ายสื่อมวลชนและคณะกรรมาธิการปฏิรูปสื่อของ สปช.เสนอ" นพ.พลเดช กล่าว
นพ.พลเดช กล่าวว่า สำหรับของขวัญกล่องที่ 6 ให้รัฐบาลเปิดโอกาสให้ประชาชนร่วมผลิต จัดการ และสร้างความมั่นคงทางพลังงานสำหรับประเทศ เพื่อเป็นของขวัญสำหรับครอบครัวชนชั้นกลาง ชุมชนท้องถิ่นที่มีศักยภาพ สามารถผลิตและใช้พลังงานหมุนเวียนในทุกรูปแบบ เพื่อการพึ่งพาตนเองในด้านพลังงาน อาทิ ประชาชนสามารถติดแผงโซลาเซลล์ ผลิตพลังงานหมุนเวียนจากแสงอาทิตย์มาใช้และขายต่อให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตได้ โดยต้องเร่งผลักดัน ร่าง พ.ร.บ.สนับสนุนพลังงานหมุนเวียน พร้อมทั้งแก้ไขกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตสามารถรับซื้อพลังงานไฟฟ้าจากประชาชนและผู้ผลิตเอกชนรายย่อยได้ในราคาที่เป็นธรรมและสมเหตุผล
ประธานมูลนิธิชุมชนท้องถิ่นพัฒนา กล่าวว่า ส่วนของขวัญกล่องที่ 7 เรียกร้องให้รัฐบาลปรับนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ปัญหาไฟใต้ ทั้งนี้ รัฐบาลควรทบทวนแนวทางการแก้ปัญหา โดยให้ความสำคัญกับงานพัฒนาชุมชนและสังคม ประสานกับกระบวนการพูดคุยสันติภาพอย่างจริงจัง ประกาศความมุ่งมั่นในการปฏิรูปการเมืองการปกครองให้เอื้อต่อการจัดการตนเองของชุมชนท้องถิ่นภายใน 5 ปี พร้อมทั้งฟื้นฟูอัตลักษณ์สังคมพหุวัฒนธรรมที่รุ่งเรืองและอยู่เย็นเป็นสุขให้ได้ภายใน 10 ปี ทั้งนี้ควรจัดตั้งองค์กรกึ่งราชการที่สามารถดำเนินงานสนับสนุนพัฒนาของภาคประชาชนได้อย่างคล่องตัวและมีประสิทธิภาพ โดยออก พรฎ.สถาบันฟื้นฟูชุมชนท้องถิ่นจังหวัดชายแดนภาคใต้ (องค์กรมหาชน)เพื่อให้ดำเนินการได้ภายใน 3 เดือน
นพ.พลเดช กล่าวว่า ของขวัญกล่องที่ 8 ขอให้รัฐบาลและแม่น้ำอีก 4 สายร่วมกันประกาศวาระแห่งชาติ เรื่องการปฏิรูประบบคุณธรรม จริยธรรม และธรรมาภิบาล ให้เกิดผลอย่างแท้จริง โดยออกเป็นกฎหมาย ร่าง พ.ร.บ.สมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ โดยจัดตั้งกลไกอิสระที่เรียกว่ากรรมาธิการสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ และ สำนักงานคุณธรรมแห่งชาติ เพื่อเป็นกลไกขับเคลื่อน
สำหรับของขวัญกล่องที่ 9 เรียกร้องให้รัฐบาลประกาศนโยบายป้องกันการผูกขาดทางการค้า สร้างความเป็นธรรมในการประกอบธุรกิจ เพื่อเป็นของขวัญให้กลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม โดยเสนอให้รัฐบาลและ สนช.ร่วมกันผลักดันร่าง พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า ตามข้อเสนอคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย เพื่อลดความเหลื่อมล้ำภายใน 6 เดือน และแก้ไขข้อจำกัดของ พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า พ.ศ.2542
"ของขวัญกล่องสุดท้าย กล่องที่ 10 ขอให้รัฐบาลประกาศสนับสนุนกระบวนการคุ้มครองผู้บริโภค สร้างธุรกิจคุณธรรมและสังคมเข้มแข็ง โดยออกร่าง พ.ร.บ.องค์กรอิสระด้านการคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.... ที่เคยอยู่ในกระบวนการนิติบัญญัติให้ออกมาเป็นกฎหมายที่มีผลบังคับใช้ภายใน 6 เดือน" นพ.พลเดช กล่าว
ที่มาภาพ:http://www.thaihealth.or.th