ส.ศิวรักษ์ : “คสช. ยึดอำนาจมาเกือบปีหนึ่งแล้วไพร่ฟ้าหน้าใสขึ้นบ้างไหม”
“…คสช. ยึดอำนาจมาเกือบปีหนึ่งแล้ว ไพร่ฟ้าหน้าใสขึ้นบ้างไหม โดยการคืนความสุขให้ประชาชนนั้นของจริงหรือของปลอม การโฆษณาชวนเชื่อต่างๆทางสื่อมวลชน ที่รัฐคุมไว้ได้นั้น ผู้คนเขารำคาญยิ่งกว่าหลงตามไปกับคำโฆษณาชวนเชื่อนั้นๆ…”
หมายเหตุ สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org : "สุลักษณ์ ศิวรักษ์" หรือ "ส.ศิวรักษ์" ปัญญาชนสยาม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Sulak Sivaraksa เตือนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถึงการบริหารราชการแผ่นดิน และการเลือกใช้บุคคลในการทำงาน
----
[ คำเตือนด้วยความหวังดี ]
เมื่อเร็ว ๆ นี้ มีนายพลหนุ่มคนหนึ่ง มาทักทายข้าพเจ้าอย่างนอบน้อม และบอกให้ทราบว่าเขาเป็นบุตร พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก ซึ่งสั่งให้จับข้าพเจ้าเมื่อปีพ.ศ. 2527 ในขณะที่เขาดำรงตำแหน่งแม่ทัพบกและผู้บัญชาการทหารสูงสุด นัยว่าการจับกุมข้าพเจ้าแล้วจะเกิดการเดินขบวนเป็นการใหญ่ โดยที่พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรีในเวลานั้นหมดสภาพทั้งทางร่างกาย และทางการเมือง การทหาร อาทิตย์จะได้มาเสวยอำนาจแทน แต่การก็หาเป็นไปดังที่ใจเขาปรารถนาไม่ แม้ข้าพเจ้าจะได้รับผลกระทบในทางเลวร้ายนานัปการ ก็บอกลูกชายเขาไป ว่าข้าพเจ้าอโหสิให้ เพราะการผูกใจเจ็บเอาไว้ ไม่ใช่วิถีทางของพุทธศาสนิกชน
ที่อยากทราบก็คือ ถ้าอาทิตย์ กำลังเอกสามารถตั้งรัฐบาลได้ เขาจะสามารถทางด้านการบริหารบ้านเมืองละหรือ
ครั้นถึงพ.ศ. 2534 พล.อ.สุจินดา คราประยูรยึดอำนาจได้จากรัฐบาลชาติชาย ชุณหะวัน แม้ในทางทฤษฎีเขาเป็นตัวรองจากบิ๊กจ๊อดก็ตามที แต่บิ๊กสุมีความสามารถมาก ที่เลือกเอานายอานันท์ ปันยารชุนมาเป็นนายกรัฐมนตรี
คุณอานันท์มีสมรรถภาพในการบริหารงานแผ่นดิน ที่อาจทำให้ชนชั้นสูงและชนชั้นกลางพอใจเป็นอย่างมาก แต่รัฐบาลของเขาจะเข้าใจถึงความทุกข์ยากของชนชั้นล่าง ซึ่งเป็นราษฎรส่วนใหญ่ในประเทศก็หาไม่ จะอย่างไรก็ตามคุณอานันท์ได้เป็นนายกรัฐมนตรีสองสมัย ในขณะที่บิ๊กสุพลาดโอกาสไปเอาเลย ทั้งนี้ก็เพราะมีมวลมหาประชาชนขัดขวางการก้าวขึ้นสู่อำนาจนายกรัฐมนตรีของเขา
สงสัยว่าถ้าเขาได้เป็นนายกรัฐมนตรีสมใจ เขาจะบริหารงานแผ่นดินได้เท่าคุณอานันท์ละหรือ แม้เขาจะมีความสามารถมิใช่น้อยก็ตาม
….
ทหารน่าจะได้บทเรียนจากความล้มเหลวของบิ๊กสุมาแล้ว จนน่าจะเข็ดหลาบกับการยึดอำนาจการปกครองมาบริหารงานบ้านเมืองเสียเอง แต่แล้วการคุมอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จของทักษิณ ชินวัตร ซึ่งใช้ระบอบรัฐสภาอย่างชาญฉลาด ทหารก็จำต้องออกมาเต้นแร้งเต้นกาอีกจนได้
โดยผู้นำรัฐประหารที่เป็นคนมุสลิมนั้น ไม่มีสภาวะความเป็นผู้นำด้วยประการใดๆสิ้น ทั้งยังอยู่ใต้ฉายาของนายพลนอกราชการที่สั่งเขาให้หันซ้ายหันขวาได้อย่างง่ายๆ และเขาก็รับบัญชามาดำเนินตามอย่างเซื่องๆ ดังได้นายกชาวพุทธที่น่ารักมาเป็นผู้บริหารราชการแผ่นดิน ทั้งๆที่เขาคนนี้ควรเป็นเจ้าวัดดูแลพระเณรตามพระธรรมวินัย มากกว่าจะมาบริหารงานของบ้านเมือง
ถ้ารัฐประหารคราวนั้นได้รับความสำเร็จ รัฐบาลทหารย่อมอาจถอนรากถอนโคนของทักษิณ ชินวัตรและบริษัทบริวารของเขาให้หมดไปจนไม่เหลือซาก ดังที่เผ่า ศรียานนท์และสฤษดิ์ ธนะรัชต์ทำมาแล้ว กับขบวนการประชาธิปไตยก่อนหน้านั้น โดยที่ในช่วงหลังนี้ ไม่จำต้องใช้ความทารุณโหดร้ายเช่นเผด็จการทั้งสองนั้นก็ยังได้
ที่กล่าวมาอย่างย่อ ๆ นี้ ก็เพื่อชี้แจงแสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวของทหารกับการบริหารบ้านเมือง ทหารที่ได้รับความสำเร็จ ดูจะมีอยู่เพียงคนเดียว ดังที่เวลานี้ก็ยังมีชีวิตอยู่ แต่ความสำเร็จของเขาเป็นไปในทางส่วนตัวเท่านั้น
ไม่ทราบว่าหัวหน้า คสช. ในปัจจุบันมองเห็นอดีตดังที่ข้าพเจ้าพรรณนามานี้หรือหาไม่ ข้าพเจ้าเองเห็นว่าหัวหน้า คสช. ก็ดูจะเป็นคนซื่อที่มือสะอาดขนาดไหน ก็ไม่อาจทราบได้ แต่เขาเข้าไม่ถึงความเป็นเลิศ ไม่ว่าจะในทางใด ๆ แม้คุมคนในอาณัติ ก็ดูจะปราศจากความสามารถเสียแล้ว โดยคนเขื่อง ๆ ในคณะของเขาอยู่ในอาณัติของเขาแน่ละหรือ หรือคนพวกนี้ หากินใกล้ชิดอยู่กับทักษิณ ชินวัตรด้วย
คสช. ยึดอำนาจมาเกือบปีหนึ่งแล้ว ไพร่ฟ้าหน้าใสขึ้นบ้างไหม โดยการคืนความสุขให้ประชาชนนั้นของจริงหรือของปลอม การโฆษณาชวนเชื่อต่างๆทางสื่อมวลชน ที่รัฐคุมไว้ได้นั้น ผู้คนเขารำคาญยิ่งกว่าหลงตามไปกับคำโฆษณาชวนเชื่อนั้น ๆ
ยิ่งคงกฎอัยการศึกไว้ นั่นคือศาสตราวุธที่ใช้ไปในทางฉ้อฉลได้ง่าย ๆ โดยเฉพาะก็กับชุมชนรากหญ้า ที่ถูกเอารัดเอาเปรียบยิ่งๆขึ้น
ไม่เฉลียวใจกันบ้างเลยหรือ ว่าโครงการอภิมหาพัฒนานั้นให้โทษยิ่งกว่าให้คุณยิ่งร่วมมือกับจีนมากเท่าไร หายนะจะเพิ่มยิ่ง ๆ ขึ้นมากและเร็วกว่าที่คิดไว้เป็นอันมาก หากคนในคณะของเขา ที่ร่วมการกับโครงการยักษ์นั้น ๆ จะร่ำรวยยิ่ง ๆ ขึ้นอย่างไม่เป็นปัญหา
อย่างน้อยขรัวตาที่มาเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ในอำนาจเพียงปีเดียว และแทบไม่ทำอะไรเลย ถ้า คสช.อยู่ในอำนาจนานไป และทำอะไรๆมากมายก่ายกองเท่าไร แม้หัวหน้าใหญ่จะไม่ร่ำรวยขึ้นอย่างมหาศาล บริษัทบริวารรอบๆเขาก็จะได้อะไรๆเป็นอดิเรกลาภตาม ๆ กันไป
ในขณะที่คนยากไร้ก็จะถูกกดให้จมดิ่งลงไปในพื้นแผ่นดินยิ่ง ๆ ขึ้นทุกที และธรรมชาติที่แวดล้อมบ้านนี้เมืองนี้ ก็จะเลวร้ายลงไป จนหาทางเยียวยาไม่ได้ในอนาคตเอาเลย
จิ้งจกทัก สาธุชนยังฟัง คำเตือนด้วยความหวังดีที่ว่ามานี้ จะไม่มีใครในวงการของอำนาจ จะไม่รับฟังไปตริตรองดูเอาบ้างเลยเจียวหรือ
ส. ศิวรักษ์