ทบทวน เฝ้ามอง ตรึกตรอง : จารีตวิถี-สีสัน "โตเกียว"
"ชินจูกุยังเปี่ยมสีสัน ชิบูยะไม่เคยหลับใหล ฮาราจูกุไม่เคยอับแสงและชีพจรของโตเกียวยังคงเคลื่อนไหวเร็วรี่ แต่ไม่ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนแปลงเพียงใด แต่ละฤดูกาลที่ผันผ่านก็จะยังคงทำหน้าที่บอกกล่าวสัจธรรมแห่งการเกิด ดับ ผันแปร เพื่อให้มนุษย์ได้ตระหนักถึงความหมายและคุณค่าสูงสุดของชีวิต..."
ปีเก่าเคลื่อนไป ปีใหม่เคลื่อนมา…ใครหลายคนคงใช้เวลานี้ทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมาในชีวิต บ้างวางแผนสิ่งที่ต้องทำในอีกปีที่กำลังเริ่มต้น บ้างใช้เวลาต้อนรับปีใหม่พร้อมกับเสพชมความสวยงามของดอกไม้ยามหนาวที่ผลิบานรับไอหมอก
ผู้เขียนลองรื้อฟื้นลิ้นชักความทรงจำดูบ้าง นึกขึ้นได้ว่า การชมดอกไม้ผลิบานในดินแดนแห่งหนึ่ง ยังแฝงความประทับใจไม่รู้ลืม
ขอพาผู้อ่านย้อนกลับไปวันนั้นด้วยกัน...
เช้าวันหนึ่ง...ใน 'โตเกียว'
ซากุระที่บานสะพรั่งอวดความงามเต็มสวนอุเอโนะในฤดูใบไม้ผลิ ทำให้อาคันตุกะต่างถิ่นที่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาเยือนเกาะเล็กๆ บนมหาสมุทรแปซิฟิคแห่งนี้ อดตั้งคำถามไม่ได้ว่าหากจิตรกรลือนามชาวญี่ปุ่น อย่าง 'คัตสึชิคะ โฮะคุไซ' ยังมีลมหายใจอยู่ เขาจะตวัดฝีแปรงวาดภาพที่เห็นตรงหน้าให้ออกมาสมกับความงามที่มิอาจบรรยายด้วยวิธีใด? ราวกับว่าความงามสมบูรณ์แบบของซากุระดอกเล็กๆ ได้แผ่กระแสอันจับใจทุกผู้ที่แลเห็น และคงเพราะเหตุนั้น ชาวญี่ปุ่นจึงพร้อมใจเฉลิมฉลองการเบ่งบานของดอกไม้ชนิดนี้กันอย่างคึกคักกระปรี้กระเปร่า
ความรักใคร่ใส่ใจในธรรมชาติคล้ายจะฝังอยู่ในจิตวิญญาณของผู้คนชนชาตินี้มาช้านาน เป็นต้นว่าความรักอย่างดื่มด่ำนั้นอาจแสดงออกผ่านการจัดดอกไม้ 'อิเคบานะ' ที่แฝงไว้ด้วยปรัชญาแห่งความเคารพต่อความงามที่ไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบ จึงไม่แปลกที่หลายต่อหลายครั้ง ผู้ริเริ่มหัดจัดดอกไม้แขนงนี้มักจะเผชิญกับความฉงน ว่าเหตุใดหนอ ครูผู้สอนจึงปักกิ่งก้านอันแห้งกรอบลงเคียงคู่กับดอกไม้ที่แย้มบานอย่างเจิดจ้า ทว่าเมื่อมองอย่างพินิจพิจารณา ความขัดแย้งอันสุดขั้วนั้นกลับสอดประสานกันอย่างลงตัวในทุกองศา นั่นเพราะความงามของธรรมชาติ มิใช่การ ‘จงใจ’ ปรุงแต่งจนเลิศเลอเกินจริง หากคือความแตกต่างอันกลมกลืนและถ่อมตนอย่างถึงที่สุด
จริงอยู่ แม้โตเกียวในโมงยามนี้จะเคลื่อนไหวด้วยชีพจรที่เต้นรัว แต่จิตวิญญาณแห่งความเคารพต่อสรรพสิ่งอันยิ่งใหญ่กว่ามนุษย์ก็ยังคงแฝงฝังอยู่ในทุกอณู ความศรัทธาต่อสุริยเทวี มหาเทพแห่งภูเขา ป่าไม้ ท้องน้ำ ตามขนบของศาสนาชินโตอันเป็นรากเหง้าที่แข็งแกร่งยังคงหยัดยืนอย่างสง่างามเคียงคู่วิถีเซนแห่งพุทธอันเรียบง่าย เห็นได้ชัดจากการที่ต้นไม้ทุกต้นได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างดียิ่งราวกับมีชีวิตจิตใจ
หรือแม้แต่ย่านโอโมเตะซันโดที่เหล่าแฟชั่นนิสต้าเดินอวดโฉมเฉิดฉายราวกับอยู่บนแคตวอล์ค ในบางจังหวะยังถูกขัดเกลาให้กลมกลืนด้วยแฟลกชิปสโตร์ของบางแบรนด์หรูระยับที่แสดงท่าที ‘เคารพ’ ต่อผู้คนและสถานที่ด้วยสีสันอันเรียบง่าย ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเพราะดัดจริต เสแสร้ง หรือพิถีพิถันอย่างจงใจ แต่การออกแบบอาคารก็สะท้อนได้ว่าแม้ในย่านที่แสนคึกคักวุ่นวายกลางเมืองหลวง รากอันหยั่งลึกของชาวอาทิตย์อุทัยยังคงสถิตย์แน่นจนเกินกว่าที่สินค้าพะยี่ห้อฝรั่งมังค่าจะต้านทาน
บางตึกหรูสีขาวสะอ้านและบางตึกที่ฉาบไว้ด้วยโทนสีเทาเบาจางนั้นจึงดูเก๋ไก๋ไม่ใช่เล่น โดยเฉพาะในยามที่ความเรียบปะทะเข้าอย่างจังกับความจัดจ้านของแฟชั่นสุดจี๊ด กลายเป็นภาพเพลินตาที่มองไม่เบื่อ เมื่อตึกใหญ่ทำตัวเป็น ‘ช่องว่าง’ อันเงียบงันเพื่อให้หนุ่มสาวส่งเสียงผ่านสีสันบนเรือนกายได้เต็มที่โดยไม่ถูกแย่งซีน
ถนนสายเล็กๆ ที่ทอดยาวสายนี้จึงเต็มไปด้วย ‘แฟชั่น’ และ ‘สไตล์’ ที่ผสมผสานกันอย่างเปี่ยมชีวิตชีวา
ความใหม่และเก่า ความเคร่งขรึมและแสบสันต์ ความสนุกสุดขั้วทว่าอ่อนน้อมต่อสิ่งแวดล้อมและบุคคลรอบข้าง ยังคงเป็นลักษณะสำคัญประการหนึ่งที่ก้าวย่างไปพร้อมกับผู้คนและความเจริญที่ไม่เคยหยุดยั้งของประเทศญี่ปุ่น ไม่เว้นแม้แต่ ‘โตเกียวสกายทรี’ ( Tokyo Skytree ) ที่ผงาดง้ำเหนือตึกรามบ้านช่องแต่กลับไม่ชวนให้ขัดตาขัดใจดังที่ใครหลายคนปรามาส เพราะหอคอยสูงล้ำนี้ยืนหยัดด้วยสีสันอันกลมกลืนกับฟ้าและน้ำ ราวกับถูกตั้งวางเอาไว้อย่างง่ายๆ โดยไม่ก้ำเกินทัศนียภาพของมหานคร
กิ่งก้านของซากุระในระยับแดดยามเช้าจึงยังคงวางตัวเป็นนางเอกที่มีสกายทรีเป็นเพียงไม้ประดับ แม่น้ำสุมิดะก็ยังคงเปล่งประกายดึงดูดสายตาโดยที่หอคอยแห่งนี้ไม่อาจลดทอนหรือทำลายบรรยากาศอันรื่นรมย์ หากทำได้เพียงเฝ้ามองกระแสธารที่เคลื่อนผ่าน ไม่ต่างจากที่สายน้ำแห่งนี้เฝ้ามองชีวิตผู้คนเวียนมาเฉลิมฉลองเทศกาลดอกไม้บานกันอย่างครื้นเครงทุกปี
ทว่า ภายใต้การร้องรำทำเพลงอย่างเริงร่า เทศกาลชมดอกไม้ยังเปี่ยมความหมายอันลึกซึ้งสำหรับชาวญี่ปุ่น ในแง่ที่ว่าการเบ่งบานของซากุระนั้น ได้น้อมนำให้ผู้คนหวนระลึกถึงความหมายของชีวิตที่เวียนผ่านไปอีกหนึ่งปี ฤดูกาลดอกไม้ผลิจึงเปรียบเสมือนการย้ำเตือนและเชื้อชวนให้ฉุกคิดว่าเราใช้จ่ายโมงยามในแต่ละวินาทีได้อย่างคุ้มค่าเพียงใด เมื่อเป็นมากกว่าความสวยงามอันฉาบฉวย ซากุระจึงผูกพันอย่างแน่นแฟ้นกับชีวิตและลมหายใจของชาวญี่ปุ่น ไม่ต่างจากซากเหง้าของเมืองเอโดะในวันวารที่ยังผูกพันแนบสนิทอยู่กับโตเกียวอย่างไม่จางหาย เพียงแต่ซ้อนทับด้วยสิ่งแปลกใหม่อันเป็นไปตามวัฏฏะของชีวิต
เช่นที่ รูปปั้นของ 'ไซโก้ ทากาโมริ' ซามูไรคนสุดท้ายและรัฐบุรุษผู้มีบทบาทอย่างสำคัญในช่วงรอยต่อของยุคสมัยเอโดะ-โตเกียว ยังคงยืนหยัดท้าแดดฝนเพื่อเฝ้ามองหอคอยแห่งใหม่ของเมืองหลวงที่ผุดโผล่ขึ้นมาเหนือปลายขอบฟ้าในวันที่มหานครแห่งนี้ไม่เคยสิ้นไร้แสงสีและลมหายใจ
ชินจูกุยังเปี่ยมสีสัน ชิบูยะไม่เคยหลับใหล ฮาราจูกุไม่เคยอับแสงและชีพจรของโตเกียวยังคงเคลื่อนไหวเร็วรี่ แต่ไม่ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนแปลงเพียงใด แต่ละฤดูกาลที่ผันผ่านก็จะยังคงทำหน้าที่บอกกล่าวสัจธรรมแห่งการเกิด ดับ ผันแปร เพื่อให้มนุษย์ได้ตระหนักถึงความหมายและคุณค่าสูงสุดของชีวิต
ตราบเท่าที่ดวงตาและหัวใจของพวกเขายังเปิดรับความหมายเหล่านั้น