ครม.ขึ้นค่าครองชีพขรก.บำนาญ 4%- เด้ง 'นริศ ชัยสูตร' พ้นอธิบดีธนารักษ์
ครม.ประยุทธ์ อังคาร 30 ธันวาคม ส่งท้ายปลายปี’57 ไฟเขียวขึ้นค่าครองชีพข้าราชการบำนาญชั้นผู้น้อย 4% - เด้ง 'นริศ ชัยสูตร' พ้นอธิบดีกรมธนารักษ์ ตั้ง 'จักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล' นั่งแทน
พลตรีสรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) วันที่ 30 ธันวาคม ว่า ที่ประชุมครม. มีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาต่อไป
ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง เสนอว่า 1. ตามที่คณะรัฐมนตรีได้แถลงนโยบายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติโดยประการหนึ่งระบุว่า จัดระบบอัตรากำลังและปรับปรุงค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐให้เหมาะสมและเป็นธรรม
ประกอบกับคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2557 เห็นชอบให้ปรับเงินเดือนข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐชั้นผู้น้อย โดยปรับบัญชีเงินเดือนระดับตำแหน่งไม่เกินระดับชำนาญการ หรือระดับ 7 หรือชั้นยศพันโท จะได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้น 1 ขั้น หรือร้อยละ 4
รวมทั้งปรับเพดานเงินเดือนขั้นสูงทุกระดับ และโดยที่ในการปรับปรุงค่าตอบแทนบุคคลากรภาครัฐ กระทรวงการคลังจะพิจารณาในการปรับปรุงเงินเพิ่มค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ (ช.ค.บ.) ควบคู่กัน เพื่อให้มีความสอดคล้องกันในด้านค่าครองชีพ
2. ที่ผ่านมาเมื่อมีการปรับเงินเดือนข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐก็จะมีการปรับเพิ่ม ช.ค.บ. ให้แก่ผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญตามแนวทางเดียวกันด้วยเสมอ เช่น ในการปรับอัตราเงินเดือนข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐประเภทต่าง ๆ เพิ่มขึ้นเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2550 และเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2554 ในอัตราร้อยละสี่และร้อยละห้า โดยมีการปรับเงิน ช.ค.บ. ให้แก่ผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละสี่และห้าเช่นเดียวกัน
โดยล่าสุดได้ให้ความช่วยเหลือผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญด้วยการประกันรายได้ขั้นต่ำให้ได้รับบำนาญรวมกับ ช.ค.บ. แล้วไม่ต่ำกว่าเดือนละ 9,000 บาท ตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 81/2557 ลงวันที่ 10 กรกฎาคม 2557 เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ พ.ศ. 2521
3. การปรับเพิ่ม ช.ค.บ. ตามที่ กค. เสนอ เพื่อให้มีรายได้ต่อเดือนในจำนวนที่เหมาะสม ซึ่งจะสามารถให้ความช่วยเหลือด้านการครองชีพแก่ผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญได้ประมาณ 533,328 ราย
สำหรับสาระสำคัญของร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว กำหนดให้ผู้ได้รับหรือมีสิทธิได้รับเบี้ยหวัดตามข้อบังคับกระทรวงกลาโหม ผู้ได้รับหรือมีสิทธิได้รับบำนาญปกติ บำนาญพิเศษเพราะเหตุทุพพลภาพ บำนาญพิเศษหรือบำนาญตกทอดในฐานะทายาทหรือผู้อุปการะหรือผู้อยู่ในอุปการะ ตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการซึ่งได้รับเบี้ยหวัดหรือบำนาญอยู่แล้วในวันที่ 1 ธันวาคม 2557 ให้ได้รับ ช.ค.บ.ในอัตรา ดังต่อไปนี้
1.ผู้ที่ได้รับหรือมีสิทธิได้รับเบี้ยหวัดหรือบำนาญและ ช.ค.บ.อยู่แล้วให้ได้รับ ช.ค.บ.เพิ่มขึ้นอีกในอัตราเดือนละร้อยละ 4 ของจำนวนเบี้ยหวัดหรือบำนาญและ ช.ค.บ.ที่ได้รับหรือมีสิทธิได้รับ
2.ผู้ที่ได้รับหรือมีสิทธิได้รับเฉพาะเบี้ยหวัดหรือบำนาญ ให้ได้รับ ช.ค.บ.ในอัตราเดือนละ ร้อยละ 4 ของจำนวนเบี้ยหวัดหรือบำนาญที่ได้รับหรือมีสิทธิได้รับ
ด้านร้อยเอกนายแพทย์ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม.มีมติแต่งตั้งนายนริศ ชัยสูตร เป็นรองปลัดกระทรวงการคลัง และนายจักรกฤศฎิ์ พาราพันธกุล เป็นอธิบดีกรมธนารักษ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
นอกจากนี้ ยังแต่งตั้ง นายอนุสรณ์ ฟูเจริญ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้ดำรงตำแหน่ง รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ
นายสุภัทร จำปาทอง ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่ง รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ
รวมทั้ง แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ประกอบด้วย 1. นายโอภาส กลั่นบุศย์ ผู้แทนกรมส่งเสริมสหกรณ์ กรรมการ แทนนายจุมพล สงวนสิน 2. นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ กรรมการ แทนนายธนรัชต์ วิเชียรรัตน์ ที่ขอลาออก ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2557 เป็นต้นไป