สพฐ.เตรียมปรับสัดส่วนเรียน “ทฤษฏี-ปฏิบัติ” หวังเด็กชนบทมีทักษะอาชีพ
สนง.การศึกษาพื้นฐานฯ เตรียมปรับโครงสร้างเวลาเรียนใหม่ เซ็ต 5 รูปแบบให้โรงเรียนเลือกตามบริบทพื้นที่ “ภาคทฤษฎีในห้องเรียน-ปฏิบัตินอกห้องเรียน” 70:30 เป็น 30:70 ระบุตอบสนองเด็กชนบทที่ไม่ได้เรียนต่อมัธยมมีโอกาสฝึกทักษะอาชีพเลี้ยงตัวได้ เริ่มปี 55
ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิกาคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่าสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) เตรียมปรับรูปแบบการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนในสังกัดให้ตอบสนองต่อนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(รมว.ศธ.) ที่ต้องการจัดการศึกษาเพื่อการมีงานทำ และให้การจัดการศึกษาตอบสนองบริบทของแต่ละพื้นที่ ซึ่ง สพฐ.เห็นว่าสิ่งที่จะดำเนินการได้ทันทีภายใต้โครงสร้างหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานฉบับปัจจุบันโดยไม่ต้องปรับรื้อหลักสูตร คือการปรับโครงสร้างเวลาเรียนใหม่ออกมาเป็น 5 รูปแบบ เพื่อให้เหมาะสมกับโรงเรียนในแต่ละพื้นที่
โครงสร้างหลักสูตรฉบับปัจจุบันกำหนดสัดส่วนเวลาเรียนโดยแบ่งเป็นการเรียนภาคทฤษฎีในห้องเรียน ร้อยละ 70 และการฝึกปฏิบัตินอกห้องเรียนร้อยละ 30 ซึ่งอาจไม่เหมาะสมกับโรงเรียนในชนบทซึ่งนักเรียนตามชนบทเมื่อเรียนจบชั้นมัธยมแล้วไม่ได้มุ่งเข้าสู่มหาวิทยาลัยทุกคนเหมือนนักเรียนของโรงเรียนในเมือง ไม่จำเป็นต้องเรียนวิชาการมากเกินจำเป็น แต่ควรเน้นฝึกปฏิบัติเพื่อให้มีทักษะความรู้ติดตัวไปใช้ประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเองได้หลังจบการศึกษา
"เพราะฉะนั้น สพฐ.จึงเตรียมที่จะแตกหลักสูตรแกนกลางออกมาเป็น 5 ออฟชั่น มีสัดส่วนเวลาเรียนภาคทฤษฎีในห้องเรียนและภาคปฏิบัตินอกห้องเรียนลดหลั่นกันไป เริ่มตั้งแต่ 70-30 และจะทยอยลดสัดส่วนการเรียนวิชาการลงจนเหลือ 30-70 ในออฟชั่นสุดท้าย ซึ่งการลดเวลาเรียนวิชาการลงก็เพื่อเพิ่มเวลาให้กับการฝึกปฏิบัตินอกห้องเรียน อย่างไรก็ตามอาจต้องบูรณาการการเรียนด้วยกันเพื่อประหยัดชั่วโมงเรียนจาก 8 กลุ่มสาระวิชาอาจเหลือบูรณาการเหลือแค่ 5 กลุ่มในบางออฟชั่น" ดร.ชินภัทร กล่าว
ทั้งนี้โรงเรียนจะเป็นผู้พิจารณาเลือกเองว่าจะจัดการเรียนการสอนตามรูปแบบใดเพื่อให้เหมาะกับบริบทของพื้นที่นั้นๆ แต่เพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่โรงเรียนและครูมากขึ้นไป สพฐ.ได้มอบให้สำนักวิชาการและมารตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สวก.) ไปจัดทำตัวอย่างการจัดการเรียนการสอนของแต่ละรูปแบบออกมาเป็นแนวทางให้โรงเรียนนำไปประยุกต์ใช้ โดยจะทำเป็นคู่มือแจกไปตามสถานศึกษา และเตรียมดำเนินการตามนโยบายนี้ตั้งแต่ปีการศึกษา 2555 .
ที่มาภาพ : http://www.bkk.in.th/Topic.aspx?TopicID=6351