รมต.สุวพันธุ์ : 3ปัจจัยชี้ขาดพูดคุยสันติสุข
การปลดชนวนไฟใต้ของรัฐบาลหลังการรัฐประหาร แม้ไม่ได้รวดเร็วฉูดฉาดดังที่หลายฝ่ายคาดหวัง แต่ก็ควบคุมสถานการณ์ได้ดีระดับหนึ่ง
สุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ (สขช.) ซึ่งเกาะติดข้อมูลสถานการณ์และการแก้ไขปัญหาชายแดนใต้มาโดยตลอด มองผ่านแว่น "คนข่าวความมั่นคง" ว่าจุดแข็งของรัฐบาลชุดนี้ในการจัดการปัญหาภาคใต้ คือความเป็นเอกภาพ
และผลงานที่เห็นค่อนข้างเด่นชัดในห้วง 6 เดือนที่ผ่านมาก็คือ สถิติการก่อเหตุรุนแรงลดลง
"รัฐบาลมองว่าการมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น มีคนตาย คนเจ็บนั้น เรายอมไม่ได้ ต้องทำให้ลดลง แต่จะให้หมดไปทันทีก็คงยาก ก็ต้องดูพัฒนาการ มีห้วงเวลาในการประเมินสถานการณ์ ผมดูจากวิธีบริหารจัดการของรัฐบาลชุดนี้ ก็จะพิจารณากันทุกๆ สามเดือน มีการประเมินแต่ละห้วงเวลา และค้นหาปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์"
แน่นอนว่าการมีหัวหน้ารัฐบาลเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ย่อมวางใจงานด้านความมั่นคงได้พอสมควร ซึ่ง สุวพันธุ์ ก็เห็นเช่นกัน
"ท่านนายกฯเข้าใจปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ดีมาก และประเมินเองตลอด เมื่อเข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน ก็มีการตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหา ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการกันมากขึ้น ทั้งเรื่องความมั่นคงและพัฒนา"
"เช่นเดียวกับพูดคุยสันติสุข การแก้ปัญหาด้วยสันติวิธี และการไปหารือกับมาเลเซีย ก็ได้ตั้งคณะกรรมการดูแลระดับนโยบาย นายกรัฐมนตรีเป็นประธานเอง ส่วนระดับปฏิบัติ ก็มอบหมายให้ พล.อ.อักษรา เกิดผล (ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพบก) เป็นประธานคณะพูดคุย ขณะที่ในพื้นที่ก็มอบหมายให้ ผอ.รมน.ภาค 4 (ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 หมายถึง พล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาคที่ 4) เป็นคนดูแล"
สุวพันธุ์ ชี้ว่า เมื่อโครงสร้างการบริหารจัดการชัดเจน ความเป็นเอกภาพก็เกิดขึ้น การประสานในระดับต่างๆ ก็ไม่ติดขัด เพราะมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานเอง การตัดสินใจก็ทำได้รวดเร็ว ถูกต้อง เหมาะสม ยืนยันว่าระบบบริหารจัดการฝ่ายเราพยายามปรับตลอดเพื่อแก้ไขปัญหา
ส่วนเรื่องพูดคุยสันติสุขนั้น อยากให้เข้าใจว่าเป็นกลไกหนึ่งของการแก้ไขปัญหา เป็นการใช้สันติวิธี ใช้การสร้างความเข้าใจ จะสำเร็จหรือไม่สำเร็จขึ้นกับหลายปัจจัย ได้แก่ 1.สองฝ่ายที่มาพูดคุยต้องไว้วางใจ อดทนซึ่งกันและ 2.มีผู้อำนวยความสะดวกที่ดี 3.กระแสโลก
"เมื่อการพูดคุยเริ่มต้นแล้ว ผมมองว่าเป็นโอกาส เชื่อว่าทุกคนในจังหวัดชายแดนภาคใต้อยากได้สันติสุข แม้จะมีบางส่วนไม่เห็นด้วย และต่อสู้เพื่ออะไรบางอย่างของเขา แต่กลไกสำคัญที่มีอยู่ในตอนนี้นำมาสู่การสร้างสันติสุขถาวร การมีเหตุยิง เหตุระเบิด ทำให้ไม่มีความสุข"
สุวพันธุ์ ยังเชื่อว่าการที่อายุของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ มีอีกเพียงประมาณ 1 ปี จะไม่ส่งผลทำให้การพูดคุยสะดุดหยุดลง
"สโลแกนของท่านนายกฯ คือ ทำจริง ทำก่อน ยั่งยืน เชื่อว่าสามารถส่งผ่านงานแก้ไขปัญหาภาคใต้ไปยังรัฐบาลที่มาบริหารงานต่อไปได้ เพราะถ้าพื้นฐานการดำเนินงานดี รัฐบาลชุดต่อไปก็ต้องหยิบมาทำต่อ"
"เท่าที่ดูกลไกแต่ละระดับที่นายกฯตั้งขึ้น กรรมการเกือบทั้งหมดเป็นข้าราชการ คนเหล่านี้อยู่ต่อ ไม่ได้หมดไปตามวาระรัฐบาล คนเหล่านี้ก็จะบอกรัฐบาลชุดต่อไปว่าสิ่งที่ทำมาทั้งหมดได้ผลหรือไม่ หรือถ้ามีจุดอ่อน มีข้อบกพร่องตรงไหน ก็ไปแก้ไข อย่างรัฐบาลชุดนี้ก็หยิบการพุดคุยที่ริเริ่มในรัฐบาลชุดที่แล้วมาทำต่อ เพียงแต่ปรับแต่งให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมในปัจจุบันเท่านั้น"
ในฐานะ "คนข่าวความมั่นคง" สุวพันธุ์ ย้ำทิ้งท้ายว่า สถานการณ์ไฟใต้เป็นสถานการณ์ภายในประเทศ ไม่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มเคลื่อนไหวภายนอกประเทศ
"รายงานจากต่างประเทศ เช่น ของสหรัฐอเมริกาก็ชัดเจน ไม่มีการพูดว่ามีก่อการร้ายสากลเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ภาคใต้ของเรา"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : สุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี