เอาจริง 'ประยุทธ์' ลั่นดำเนินคดีอาญา-แพ่ง ข้าวที่ไม่ผ่านมาตรฐาน-ข้าวเสีย
'ประยุทธ์' นั่งหัวโต๊ะประชุม นบข. เผยคลัง อคส.-อตก.มีข้าวคงเหลือ 17 ล้านตัน สั่งคณะอนุกรรมการตรวจสอบปริมาณฯ จัดระดับคุณภาพข้าวไม่ได้มาตรฐาน 14 ล้านตัน
วันที่ 19 ธ.ค.57 ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ครั้งที่ 5/2557 โดยมีผู้เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และหัวหน้าส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม
ทั้งนี้ ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมฯ นางสาวชุติมา นุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ แถลงผลการประชุมตอนหนึ่งถึงมติให้คณะอนุกรรมการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวคงเหลือของรัฐดำเนินการตรวจสอบข้าวคงเหลือของรัฐบาล ทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ ซึ่งพบว่า มีข้าวคงเหลือในคลังกลางขององค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อการเกษตร (อ.ต.ก.) ทั้งสิ้น 17.963 ล้านตัน
แยกเป็น ข้าวผ่านมาตรฐาน จำนวน 2.197 ล้านตัน (12.23%) ข้าวไม่ตรงตามมาตรฐาน จำนวน 14.405 ล้านตัน (80.19%) ข้าวเสีย จำนวน 0.694 ล้านตัน (3.86%) ข้าวผิดชนิด จำนวน 0.068 ล้านตัน (0.34%) และข้าวกองล้มหรือข้าวที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ จำนวน 0.599 ล้านตัน ( 3.34 %)
ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวอีกว่า ที่ประชุมยังมีมติเห็นชอบมอบหมายให้คณะอนุกรรมการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวคงเหลือของรัฐ ดำเนินการมอบหมายให้คณะทำงานตรวจสอบและจัดระดับคุณภาพข้าวในสต็อกของรัฐดำเนินการจัดระดับชั้นคุณภาพข้าวในส่วนที่ไม่ตรงตามมาตรฐาน ปริมาณ 14.405 ล้านตัน
โดยแบ่งระดับคุณภาพข้าวออกเป็น 3 ระดับคุณภาพ คือ ระดับคุณภาพ A เป็นข้าวต่ำกว่ามาตรฐานไม่มาก เมื่อปรับปรุงแล้วคุณภาพข้าวจะมีสภาพไม่ต่างจากข้าวผ่านมาตรฐาน
ระดับคุณภาพ B เป็นข้าวต่ำกว่าระดับ A ต้องผ่านกระบวนการปรับปรุงคุณภาพที่ยุ่งยาก จึงจะสามารถนำมาระบายได้
ระดับคุณภาพ C เป็นข้าวที่มีคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐานมาก ไม่คุ้มค่าในการปรับปรุงให้ได้มาตรฐาน
น.ส.ชุติมา กล่าวด้วยว่า ที่ประชุมฯ มอบหมายให้คณะอนุกรรมการพิจารณาแนวทางจัดการข้าวในสต็อกรัฐบาล นำเสนอแนวทางดำเนินการกับข้าวทุกระดับคุณภาพ และเห็นชอบแนวทางดำเนินการในสาระสำคัญ ดังนี้ 1) ข้าวที่ผ่านมาตรฐาน ให้ระบายตามมาตรฐาน แบบยกกอง/ยกคลัง
2) ข้าวที่ไม่ตรงตามมาตรฐานแต่อยู่ในระดับ A และ B ให้ระบายยกคลังตามสภาพ
3) ข้าวที่ไม่ตรงตามมาตรฐานระดับ C ข้าวเสีย ข้าวผิดชนิด ข้าวกองล้มหรือข้าวที่ไม่สามารถตรวจสอบคุณภาพได้ ให้ระบายตามสภาพหลังจากที่ อคส. และ อ.ต.ก. แจ้งความดำเนินคดีกับผู้รับผิดชอบ รวมถึงดำเนินคดีกรณีข้าวหายจำนวนประมาณ 3.91 แสนตันด้วย
4) มอบหมายให้คณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวพิจารณาแผนและวิธีการระบาย ให้คำนึงถึงผลกระทบต่อตลาดข้าว และการลดภาระค่าเก็บรักษา ตลอดจนการเสื่อมสภาพข้าวประกับกันด้วย
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงตัวเลขสรุปปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลที่ผ่านมา โดยมีตัวเลขข้าวค้างสต็อกในคลังกลางทั้งหมด รวม 17.963 ล้านตัน คิดเป็นตัวเลขขาดทุนจำนวน 6.8 แสนล้านบาทนั้น จะต้องมีการดำเนินคดีอาญาและทางแพ่งสำหรับข้าวที่ไม่ผ่านมาตรฐานและข้าวเสีย ซึ่งทั้งหมดได้นำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว
ส่วนการระบายข้าว นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยความมั่นใจจะไม่ขาดทุนในเชิงนโยบายเพราะไม่ได้ทำโครงการรับจำนำข้าว แต่ในทางปฏิบัติจะต้องช่วยกันไม่ให้เกิดการทุจริต โดยจะมีการเปิดประมูลข้าวทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งจะมีหลักประมูลแบบยกคลัง หรือแยกขายเป็นประเภท ทั้งนี้ จะมีการตั้งราคากลางจากข้อมูลเพื่อกำหนดราคาขั้นต่ำต่อไป
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปถึงระยะเวลาในการระบายข้าวค้างสต็อกว่า จะพยายามใช้ระยะเวลาไม่เกิน 2 - 3 ปี ซึ่งต้องวางแผนบริหารจัดการข้าวให้แล้วเสร็จ ทั้งนี้ ขออย่ามองถึงการระบายข้าวเพียงอย่างเดียวแต่ขอให้ยกระดับการระบายข้าวให้ดีขึ้นด้วย เพราะปัจจุบันข้าวล้นตลาดแต่ไม่มีคุณภาพและในขณะนี้ราคาตลาดข้าวไทยสูงกว่าเวียดนาม และเชื่อว่าข้าวไทยมีแนวโน้มจะขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งในตลาดโลกได้ ซึ่งจะเพิ่มการค้าขายภายในประเทศ โดยเปิดตลาดข้าวภายในประเทศลักษณะตลาดเกษตรกร ให้เกษตรกรซื้อขาย - ข้าวกันเองในชุมชน
ทั้งนี้ ในช่วงเย็นวันนี้ นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการลงนาม เอ็มโอยู กับ นายหลี่เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน 2 ฉบับ ได้แก่ เรื่องโครงการรถไฟทางคู่ และเรื่องข้าวแบบรัฐต่อรัฐ จำนวน 2 ล้านตันโดยเป็นข้าวที่ออกในฤดูกาลผลิตครั้งใหม่และอาจเป็นข้าวเก่าบางส่วน