“สุรพงษ์”จี้ปธ.ป.ป.ช.สอบ“ภักดี”ขาดคุณสมบัติ-ยันไม่เกี่ยวคดีจำนำข้าว
“สุรพงษ์-เรืองไกร” ยื่นหนังสือถึง “ปานเทพ” ปธ.ป.ป.ช. สอบคุณสมบัติ “ภักดี” เหตุลาออกจาก กก.บริษัท องค์การเภสัชกรรมฯ เกิน 15 วันตามกฎหมาย ลั่นไม่เกี่ยวคดีรับจำนำข้าว แต่โดนตัวเองโดยตรง เพราะถูกสอบปมย้าย “ถวิล”
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2557 นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ พร้อมกับนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือถึงนายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบคุณสมบัติของนายภักดี โพธิศิริ กรรมการ ป.ป.ช.
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ตามที่นายภักดีได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกรรมการ ป.ป.ช. โดยประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2549 และได้ปฏิบัติหน้าที่มาจนถึงปัจจุบัน และได้รับการแต่งตั้งจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้เป็นประธานอนุกรรมการไต่สวน และอนุกรรมการไต่สวนหลายครั้ง แต่จากการตรวจสอบพบว่านายภักดี น่าจะขาดคุณสมบัติการเป็นกรรมการ ป.ป.ช. และไม่น่าจะปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งดังกล่าวมาตั้งแต่ต้น เนื่องจากในช่วงที่ได้รับการแต่งตั้งนายภักดีดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการบริษัท องค์การเภสัชกรรม-เมอร์ริเออร์ชีววัตถุ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่แสวงผลกำไร ดังนั้นจึงต้องลาออกจากการเป็นกรรมการของบริษัทดังกล่าวให้ถูกต้องตามมาตรา 1153/1 ของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ แก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 15) พ.ศ.2549 ภายใน 15 วัน ตามมาตรา 11 (3) ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 (พ.ร.บ.ป.ป.ช.) ที่ระบุว่า กรรมการ ป.ป.ช. ต้องไม่ดำรงตำแหน่งใดในห้างหุ้นส่วน บริษัท หรือองค์กรที่ดำเนินธุรกิจที่แสวงผลกำไร
นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ดีตามหลักฐานจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่า หนังสือลาออกจากกรรมการบริษัทของนายภักดี ลงวันที่ 15 ธันวาคม 2549 ต่อมาบริษัท องค์การเภสัชกรรมฯ ชี้แจงว่า การลาออกของนายภักดีไม่มีหนังสือลาออกจากกรรมการ แต่เป็นไปตามมติที่ประชุมเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2549 แม้ข้อเท็จจริงนายภักดี จะอ้างว่าได้ทำหนังสือลาออกจากกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2549 แล้ว แต่เป็นการลาออกที่ไม่ถูกต้องตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ ดังนั้นตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช. ถือว่านายภักดีไม่เคยได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการ ป.ป.ช.
“เมื่อนายภักดีไม่ได้มีสถานะตามกฎหมายเป็นกรรมการ ป.ป.ช. จึงไม่สามารถกระทำการใดที่กฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช. ได้ แต่นายภักดีกลับปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว และเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2557 ได้มีมติร่วมกับกรรมการ ป.ป.ช. ท่านอื่น ออกคำสั่งไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีกล่าวหาข้าพเจ้าเมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ เข้าไปแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)” นายสุรพงษ์ กล่าว
อดีตรองนายกฯ กล่าวด้วยว่า เมื่อนายภักดีไม่ได้มีสถานะเป็นกรรมการ ป.ป.ช. แต่ได้แสดงตนเป็นเจ้าพนักงาน จึงอาจถือเป็นความผิดตามกฎหมาย และหากประธานกรรมการ ป.ป.ช. รวมถึงกรรมการ ป.ป.ช. ท่านอื่นทราบข้อเท็จจริงที่ตนได้เรียนแล้ว แต่ยังมีการตั้งให้นายภักดีเป็นกรรมการ ป.ป.ช. ต่อไป หรือแต่งตั้งเป็นประธานอนุกรรมการไต่สวนในเรื่องใด หรือยังคงให้รับเงินเดือนและผลตอบแทนตามกฎหมายต่อไป กรรมการ ป.ป.ช. ท่านอื่นอาจต้องมีความรับผิดชอบตามกฎหมายไปด้วย นอกจากนี้จะส่งผลต่อความสมบูรณ์ตามกฎหมายของมติหรือการกระทำนั้นด้วย
“ข้าพเจ้าในฐานะมีส่วนได้เสียโดยตรง จึงให้ประธาน ป.ป.ช. ดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัตินายภักดี และให้นายภักดียุติการปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราวจนกว่าจะได้ข้อยุติ และข้อให้แจ้งผลการพิจารณาภายใน 15 วัน แต่หากไม่ได้ตรวจสอบเรื่องนี้ให้ถูกต้องตามกฎหมาย ข้าพเจ้าจะดำเนินการฟ้องคดีทางศาลกับนายภักดี และกรรมการ ป.ป.ช. ทุกท่านต่อไป” อดีตรองนายกฯ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การออกมาเคลื่อนไหวครั้งนี้เกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าวที่ใกล้สรุปคดีแล้วหรือไม่ นายเรืองไกร กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน เพราะโครงการรับจำนำข้าวมีข้อโต้แย้งจำนวนมาก ซึ่งทางอัยการสูงสุด (อสส.) ออกมาระบุข้อไม่สมบูรณ์ในสำนวนคดีอาญาหลายข้อ ส่วนกรณีนี้ที่มายื่นวันนี้เกี่ยวกับสุรพงษ์โดยตรง ในกรณีการโยกย้ายนายถวิล
อ่านประกอบ : ไม่ห่วง!“ปึ้ง”ยื่นสอบกก.ป.ป.ช.ขาดคุณสมบัติ “สรรเสริญ”ยันคดีไม่มีโมฆะ