NGO หวั่นรัฐลักไก่เดินหน้าโครงการพัฒนาชายฝั่งภาคใต้ละเลยเสียงปชช.
องค์กรพัฒนาเอกชนภาคใต้ หวั่น เจ้าหน้าที่รัฐลักไก่ภายใต้สถานการณ์การเมืองไม่ปกติ เดินหน้าโครงการพัฒนาชายฝั่งทะเลภาคใต้ ไม่ทำตามขั้นตอนของกฎหมาย
15 ธันวาคม 2557 ชมรมนักข่าวสิ่งแวดล้อม สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย จัดงานครบรอบ 20 ปี ชมรมนักข่าวสิ่งแวดล้อม "โจทย์ 10 ข้อ ชี้อนาคตสิ่งแวดล้อมไทย" ณ ห้องดวงกมล โรงแรมเดอะสุโกศล
นายสมบูรณ์ คำแหง เลขาธิการคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคใต้ กล่าวถึงความขัดแย้งรอบใหม่ของรัฐกับชุมชนว่า นโยบายรัฐในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมามีความต้องการชัดเจนที่จะจัดหาและพัฒนาแหล่งอุตสาหกรรมแห่งใหม่ให้กับนักลงทุน ทั้งไทยและต่างประเทศ พร้อมกับพัฒนาระบบโลจิสติกส์ หรือโครงข่ายคมนาคมขนส่งเชื่อมโยงระหว่างพื้นที่อุตสาหกรรมต่างๆร่วมกับการเชื่อมต่อกับท่าเรือต่างๆที่มีอยู่แล้ว เช่น ท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง และท่าเรือมาบตาพุด จากเหตุผลนี้จึงพุ่งเป้ามาที่พื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้โดยให้เหตุผลว่า มีความเหมาะสมในเชิงภูมิศาสตร์
"ที่ผ่านมาเราเห็นถึงความพยายามของรัฐบาลในแต่ละยุคที่ได้กำหนดไว้ในนโยบายการบริหารประเทศด้วยการบรรจุโครงการต่างๆภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาชายฝั่งทะเลภาคใต้ตามทิศทางที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ วางไว้ ขณะเดียวกันก็เห็นการเคลื่อนไหวของภาคประชาชนที่คัดค้านและไม่เห็นด้วยเช่นกัน"
นายสมบูรณ์ ยกตัวอย่าง โครงการท่าเรือปากบารา จังหวัดสตูล ว่า โครงการขนาดใหญ่ดังกล่าวเป็นโครงการที่จะเชื่อมโครงข่ายการขนส่งสินค้าจากอันดามันมาสู่อ่าวไทย ด้วยแนวคิดที่จะตัดตอนเส้นทางการขนส่งสินค้าทางเรือผ่านช่องแคบมะละกา และจะเป็นเสมือนเป็นการเปิดประตูของภาคใต้เพื่อรองรับโครงการต่างๆ นอกจากนี้ยังมีความเชื่อว่า หากภาคใต้ยอมให้มีการขุดคลองเพิ่มเส้นทางในการขนส่งไทยจะเป็นมหาอำนาจแทนสิงค์โปโดยอัตโนมัติ
"แต่โครงการนี้จะสร้างความเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ให้กับจังหวัดสตูล และมีแนวโน้มที่จะสร้างความสูญเสียที่ไม่อาจเรียกคืนได้ทั้งทางสังคม ศาสนา วิถีวัฒนธรรม และธรรมชาติสิ่งแวดล้อม"
เลขาธิการคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคใต้ กล่าวถึงการพัฒนาของจ.สตูลต้องดำเนินต่อไป นี่คือสิ่งที่คนสตูลส่วนใหญ่เข้าใจและยอมรับได้ แต่การพัฒนาแบบก้าวกระโดดที่จะต้องแลกด้วยการสูญเสียที่มากมายมหาศาลก็จำเป็นต้องตั้งคำถามว่า เหมาะสมและคุ้มค่าจริงหรือไม่ นี่คือสิ่งที่รัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องพิจารณาให้รอบคอบ รวมทั้งต้องเข้าใจอัตลักษณ์ของความเป็นเมืองสตูลในมิติต่างๆด้วย
"ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองที่ไม่ปกติ ในปัจจุบันก็พบว่า ภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลทหารยังมีการสอดแทรกนโยบายการพัฒนาชายฝั่งทะเลภาคใต้อยู่ในนั้นด้วย ยิ่งไปกว่านั้นคือการดำเนินงานโครงการต่างๆของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ฉวยโอกาสที่มีการปิดกั้นการแสดงออกทางสังคมและการเมืองของประชาชนภายใต้กฎอัยการศึกเข้ามาเร่งรัดกระบวนการดำเนินงานที่ไม่น่าจะทำได้ในสภาวะการเมืองปกติ และคาดว่าจะมีการละเลยที่จะทำตามขั้นตอนทางกฎหมาย"
เมื่อถามว่าทำอย่างไรจะไม่ให้เกิดความขัดแย้งรอบใหม่และโครงการสามารถที่จะพัฒนาไปได้นั้น นายสมบูรณ์ กล่าวว่า รัฐต้องจริงใจและเคารพกติกาในการจัดเวทีรับฟังความเห็นอย่างเป็นธรรม เพราะสิ่งที่ชาวบ้านต้องการคือเรื่องการจัดการที่เป็นธรรม แต่ที่ผ่านๆมาที่มีปัญหาเพราะมีการหลีกเลี่ยงที่จะศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจริงๆไม่ได้เข้าร่วมเวทีแสดงความเห็น