สภาทนายความ หารือแนวทางสู้คดีเกาะเต่า 12 ธ.ค. หวั่นพยานไม่กล้าให้ข้อมูล
สภาทนายความฯ ประชุมหารือสู้คดีเกาะเต่า 12 ธ.ค. ก่อนศาลนัดครั้งแรก 26 ธ.ค. เตรียมแบ่งทีมรับผิดชอบแต่ละด้าน หวั่น พยานที่เป็นชาวต่างชาติไม่กล้าให้ข้อมูลเพราะกลัว กม.ลักลอบเข้าเมือง
ภายหลังจากอัยการจังหวัดเกาะสมุยสั่งฟ้องผู้ต้องหาในคดีฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวสัญชาติอังกฤษ ตามที่พนักงานสอบสวน สภ.เกาะพะงัน ส่งสำนวนมาให้พิจารณา โดยยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดเกาะสมุย ใน 7 ข้อหา คือร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน เพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดที่ตนได้ทำไว้, ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นอยู่ในสภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้, โดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกัน อันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง, ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน และเป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ผ่านช่องทางตรวจคนเข้าเมือง และอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต
นายสุรพงษ์ กองจันทึก ประธานคณะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนด้านชนชาติ ผู้ไร้สัญชาติ แรงงานข้ามชาติและผู้พลัดถิ่น สภาทนายความและหัวหน้าทีมทนายความของผู้ต้องหาชาวเมียนมาร์ในคดีเกาะเต่า ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ว่าขณะนี้ทีมทนายได้รับคำฟ้องแล้ว เมื่อคำฟ้องมาถึงสภาทนายความก็ต้องทำตามหน้าที่ ทำความจริงให้ปรากฏออกมา โดยศาลนัดทั้งสองฝ่ายไปพูดคุยกันในวันที่ 26 ธันวาคม 2556 เพื่อจะดูว่าแต่ละฝ่ายมีพยานกี่คน
นายสุรพงษ์กล่าวว่าถือว่าศาลเร่งรัดในเรื่องนี้ค่อนข้างเร็ว
"ตอนแรกทางทีมทนายประเมินว่าอาจเป็นเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า แต่ศาลรีบ คงเพื่อต้องการให้เกิดความชัดเจน" นายสุรพงษ์ระบุ
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อระยะเวลาที่ศาลนัดครั้งแรกเร็วกว่าที่ประเมินไว้แล้ว การสู้คดีของสภาทนายความในคดีนี้ลำบากหรือไม่ นายสุรพงษ์กล่าวว่าถือว่าเหนื่อยหน่อย เพราะระยะเวลาศาลเร่งรัด และที่ผ่านมาเราไม่ได้เจอกับผู้ต้องหาเลย ทนายความได้ไปเจอในเรือนจำเพียงแว่บเดียว ดังนั้น การเตรียมข้อมูลของเราน้อยมาก ยังไม่มีการประกันตัวผู้ต้องหาออกมา ยังไม่มีการพูดคุย กับผู้ต้องหาอย่างจริงๆ จังๆ ว่าเขามีพยานยืนยันตัวเขาเองไหม มีกี่คน แต่เท่าที่ได้คุยเขายืนยันว่าเขาไม่ได้ทำ
นอกจากนี้ พยานจำนวนหนึ่งเป็นชาวต่างชาติเช่นเดียวกันกับผู้ต้องหา ขณะที่ผู้ต้องหาเอง นอกจากข้อหาอื่นๆแล้ว ก็ยังเจอข้อหาหลบหนีเข้าเมืองด้วย เอกสารของพยานหลายคนก็ไม่ชัดและพยานหลายคนก็กลัวข้อหานี้ สภาทนายความต้องพยายามหาทางว่าจะทำอย่างไรจะให้พยานเขากล้าออกมา
นายสุรพงษ์กล่าวว่า กรณีที่ผู้ต้องหาเคยขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด โดยร้องว่าถูกซ้อมทรมานนั้น ทราบเพียงว่ามีการสอบเพิ่มเติม แต่ทีมทนายความยังไม่เห็นสำนวนคดีทั้งหมด
“แต่มีประเด็นที่น่าสนใจคือเรื่องถูกซ้อมทรมานนี้ พ่อแม่ผู้ต้องหาเขาไปฟ้องกับดีเอสไอด้วย แต่ดีเอสไอยังไม่ดำเนินการเลย ทั้งที่ดีเอสไอสามารถดำเนินการได้เลยทันที เพราะไม่ได้เกี่ยวกับคดีในชั้นศาล ทั้งที่ ถ้าดีเอสไอทำ จะช่วยให้ภาพชัดขึ้นกับสังคม ถ้าดีเอสไอไม่ทำเรื่องนี้ ก็ถือว่าละเว้นต่อการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งที่ถ้าตรวจสอบแล้วพบว่า ไม่มีการซ้อมทรมานก็หมายความว่าเจ้าหน้าที่ ดำเนินการถูกต้องตามกระบวนการ แต่ถ้าพบว่ามีการซ้อม ก็ทำไม่ถูกต้อง เราก็อยากให้เกิดความชัดเจน เป็นหน้าที่ของดีเอสไอที่ต้องทำ”นายสุรพงษ์ระบุ
นายสุรพงษ์กล่าวด้วยว่าที่ผ่านมาสถานฑูตพม่าประจำประเทศไทยพร้อมให้ความช่วยเหลือเรื่องการประกันตัวในระหว่างการขึ้นศาล แต่ที่ผ่านมาค่อนข้างน่าผิดหวัง ที่ศาลไม่ให้ประกันตัว ทั้งที่สถานฑูตพม่าประจำประเทศไทยเป็นผู้รับประกันโดยเมื่อผู้ต้องหาออกมาจะให้พักอยู่ที่สถานฑูตพม่าประจำประเทศไทย
“ซึ่งเรามองว่า สถานฑูตถือว่าเป็นหลักประกันสูงสุดแล้ว แต่ก็น่าเสียดายที่ศาลไม่ให้ประกัน” นายสุรพงษ์ระบุ และกล่าวว่าวันที่ 12 ธ.ค.นี้ สภาทนายความจะมีการประชุมพูดคุยและแบ่งทีมทนายไปเตรียมข้อมูลด้านต่างๆ ว่าใครรับผิดชอบส่วนใด รวมทั้งจะหารือกันเรื่องการรวบรวมพยานหลักฐานให้ชัดเจน
อ่านประกอบ : สภาทนายฯขอ อสส. รับฟังตรวจสอบข้อมูลอีกด้านผู้ต้องหาคดีเกาะเต่า
ภาพประกอบจาก : gulaha.com