ประชาธิปไตยบนเส้นรัฐประหาร! “บิ๊กตู่”ลั่นไม่อยากมีอำนาจฝันเห็นไทยก้าวหน้า
“…ไม่ว่าจะเป็นประชาธิปไตย หรือรัฐประหาร ก็เป็นเส้นเดียวกันหมด ถามว่าอยากมีอำนาจหรือไม่ ก็ไม่อยากมี แต่มีอำนาจแล้วทำให้เกิดความก้าวหน้าของประเทศ ก็ขอแค่นี้ ให้ไม่ได้อีก เพลงก็เปิดให้ฟังทุกวัน การกลั่นแกล้งกันด้วยกฎหมายก็ไม่ได้ ต้องหาหลักฐานให้ชัดเจน…”
เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2557 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “ความโปร่งใสในการบริหารจัดการองค์กรของประเทศไทย”
เห็นได้จากที่ประชาชนออกมาเที่ยวในงานเทศกาลช่วงเดือนมหามงคล แสดงว่าคนเรามีความสุขมากขึ้น เราทำหน้าที่ที่ดีที่สุด แม้ว่าหลายอย่างจะอยู่ในกระบวนการ เราต้องทำให้สังคมเข้าใจว่าวิธีการทำงานของเราเป็นอย่างไร เพราะเราเป็นส่วนราชการ องค์กรอิสระ จึงต้องชี้แจงทำความเข้าใจ ไม่อาจทำตามข้างใดข้างหนึ่ง หรือคนใดคนหนึ่งได้ ซึ่งการสร้างความโปร่งใสให้หน่วยงานเป็นสิ่งจำเป็น และการบริหารองค์กรก็เป็นสิ่งสำคัญ ทำให้เกิดความมั่นใจต่อประชาชนที่เกี่ยวข้อง และต่างประเทศมีความเชื่อมั่น
“ผมไปต่างประเทศ เขามองความโปร่งใสการทำกิจการ ถ้าทำได้ไม่ดี ความไว้ใจก็หมดสิ้นไป ผมก็พยายามยืนยันเสมอ ไม่อยากทำให้ประเทศเสียหายไปกว่านี้ เราเข้ามาเพื่อจัดระเบียบดูแล เพื่อตรวจสอบโปร่งใส บริหารประเทศไปข้างหน้าเพื่อรับรองสถานการณ์ในอนาคต ที่แต่ละประเทศเข้มแข็งได้เพราะมีกติกาใหม่ในประชาคมโลก” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขณะนี้ต้องเร่งปรับปรุงระบบราชการ ไม่ว่าจะเป็นส่วนภูมิภาค หรือท้องถิ่น โดยรัฐบาลมีหน้าที่ 3 ประการ 1.รักษาความสงบเรียบร้อย ให้ทุกคนปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน 2.บริหารราชการแผ่นดิน ขับเคลื่อนข้างหน้า ชดเชยที่หยุดมาพอสมควร ไม่ใช่แค่ 6 เดือน แต่หยุดมาหลายปีแล้ว 3.การปฏิรูป ซึ่งวันนี้มีคณะกรรมาธิการ (กมธ.) มีสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ดำเนินการแล้ว 11 ด้าน 18 เรื่อง แต่ละเรื่องก็เป็น 100 หัวข้อ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ถ้าเราปรับปรุงระบบบริหารราชการได้ดี บ้านเมืองไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยข้าราชการอย่างเดียว แต่ต้องรวมทั้งส่วนประชาชนด้วย ทหารเรียกว่าการประสานสอดคล้องในการทำงาน ทุกอย่างเริ่มในพื้นที่เช่นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จะรู้ปัญหาประชาชน เป็นผู้กำหนดว่าจะทำอย่างไร ถ้าเกินกว่านั้นก็เป็นเรื่องของส่วนภูมิภาค และส่วนกลาง
“ถ้าเริ่มจากการทำในส่วนท้องถิ่น มันก็จะไล่จากล่างขึ้นบน ข้างบนก็เติมงบประมาณ อะไรกลุ่มงานเดียวกันก็คิดร่วมกัน งบประมาณก็ใช้ด้วยกัน ทำให้ไม่ลงงบประมาณตามฐานการเมือง ซึ่งตอนนี้การบริหารจัดการแผ่นดิน กับการเมือง ต้องแยกออกจากกัน วันนี้ก็พยามแก้สิ่งเหล่านี้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเทศไทยก็เป็นเสือย่อตัวอยู่อย่างนี้ เขี้ยวฟันแหลมคม แต่เดินไม่ได้ เพราะไม่มีพลังมากพอ ฉะนั้นเราก็ต้องสร้างพลังของเราให้ได้ สิ่งที่ต้องทบทวนคือโครงสร้าง การปฏิบัติงาน บุคลากร ปัญหาคือการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เพราะถ้าไม่แก้ทำอะไรไม่ได้ มันอาจเป็นโชคดี หรือโชคร้าย ประเทศไทยอาจมีปัญหาไม่มากมายนัก ซึ่งตรงนี้เราต้องเอาภูมิศาสตร์ที่ได้เปรียบมาเป็นโอกาสในการขับเคลื่อนประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทุจริต โปร่งใส ดีหรือไม่ดี มันเป็นเส้นเดียวกันติดกันหมด ก็ต้องทำทุกอย่าง หากทำน้อยมันก็มีมากขึ้น ดังนั้นทำอย่างไรให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุด
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ทุกคนต้องพอเพียง มีมากใช้มาก มีน้อยใช้น้อย อย่างไรก็ดีถ้าคนที่ไม่มีพื้นฐาน ก็จะทุจริตไปถึงจุด ๆ นั้น แต่ถ้าคนที่ได้มาโดยสุจริตก็ไปว่าไม่ได้ ถ้าข้อกฎหมายว่าสุจริต ก็คือสุจริต แต่คนทีทุจริตจะต้องโดนลงโทษ อยากให้ใช้หิริโอตัปปะ ไม่ใช่ทำความผิดโกงเขามา ก็ยังเชิดหน้าชูตาอยู่ได้ ต่างประเทศเขาก็ปฏิเสธคนไม่สุจริตอยู่แล้วในขณะนี้ วิกฤติการณ์มีมานานแล้ว เราก็มีเจตนารมณ์ ตรวจสอบอำนาจรัฐโดยประชาชน
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า เห็นมีแต่การสอนเรื่องสิทธิ เรื่องเสรีภาพ แต่เรื่องหน้าที่หายไปไหน ผู้ที่ถูกละเมิด ต้องเป็นไปตามกฎหมาย ต้องคิดให้รอบคอบ นี่ถึงจะเรียกว่าสิทธิมนุษยชน ไม่อย่างนั้นประเทศก็เดินหน้าไม่ได้ ต้องเป็นไปตามหลักนี้ นอกจากนี้ไม่ว่าจะเป็นประชาธิปไตย หรือรัฐประหาร ก็เป็นเส้นเดียวกันหมด ถามว่าอยากมีอำนาจหรือไม่ ก็ไม่อยากมี แต่มีอำนาจแล้วทำให้เกิดความก้าวหน้าของประเทศ ก็ขอแค่นี้ ให้ไม่ได้อีก เพลงก็เปิดให้ฟังทุกวัน การกลั่นแกล้งกันด้วยกฎหมายก็ไม่ได้ ต้องหาหลักฐานให้ชัดเจน
“ความรู้สึกทั่วไปของประชาชนในขณะนี้เกรงกลัวกฎหมาย ทำอย่างไรจะทำให้เขารู้สึกว่ากฎหมายเป็นองค์กรเพื่อช่วยเขา เห็นตำรวจ ทหาร หรือเจ้าหน้าแล้วก็ยิ้มแย้ม เพราะกฎหมายมีไว้เพื่อคุ้มครองให้ทุกคนเท่าเทียม และสามารถเข้าถึงได้” นายกรัฐมนตรี กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ทราบดีว่าผู้บริหารของ ป.ป.ช. ถูกกดดัน การหามาตรการป้องกันตัวเองจะทำอย่างไร ถ้ามีมาตรการก็เช่น ถ้ายกมือก็ยกให้หมด ไม่ยกมือ 5-4 4-3 มันจะทำให้เป็นปัญหา ไม่รู้ชี้แนะหรือไม่ แต่ต้องดูแล เพราะรู้ว่าถูกกดดัน อันตราย ลูกเมียก็เดือดร้อน
“ใครจะทำอะไรดี ๆ ก็อันตรายหมด เพราะคนไม่ดีล้อมอยู่ มันนอกกฎหมาย ดังนั้นจะทำอย่างไรประเทศไทยจะสว่างไสว ให้สมกับเป็นดินแดนสุวรรณภูมิ ขอร้องตอนนี้อย่าเพิ่งเดินขบวนหรือร้องเรียน ที่เราแก้ปัญหามานี่แค่ 3 เดือนมากกว่าทุกรัฐบาล จะเอาทุกอย่างมันยาก จึงต้องค่อย ๆ เดิน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว